วิธีเก็บรักษาใบชาแห้ง ให้คงกลิ่นหอม คุณภาพดีเหมือนใหม่ตลอดเวลา -

วิธีเก็บรักษาใบชาแห้ง ให้คงคุณค่าสรรพคุณที่ยาวนาน ไม่ใช่เพียงว่าเก็บอย่างไรก็ได้ เพราะหากไม่รู้การเก็บรักษาใบชาที่ถูกต้อง ย่อมทำให้ใบชาเสียคุณภาพ เมื่อนำมาชงจะทำให้เสียรสชาติ ของชาที่ดี

วิธีการเก็บรักษาใบชาแห้งที่ถูกต้อง

ควรเลือกใช้ภาชนะที่ปิดแน่นหนา หรือมีฝาสองชั้นปิด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อากาศเข้า หรือจะเลือกใช้ภาชนะทึบแสงเพื่อนำไปเก็บในตู้ที่ทึบแสง การเก็บใบชาที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะที่แสงสามารถลอดผ่านได้ เพราะจะส่งผลให้ใบชาเสียคุณค่า

ไม่ควรให้ใบชาถูก หรือโดนอากาศโดยไม่จำเป็น หรือถูกอากาศให้น้อยที่สุด เพราะอากาศมีผลกระทบต่อสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในใบชา เมื่อโดนอากาศมาก ๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนสีของใบชา รวมถึงรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปได้

หลีกเลี่ยงความชื้น เพราะความชื้นถือเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำลายคุณภาพของใบชาได้ง่าย ๆ ยิ่งในกรณีที่ซื้อใบชาในปริมาณมาก ๆ ควรหาภาชนะมาแบ่งใส่ ให้พอเหมาะกับปริมาณการใช้ในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงเมื่อเปิดห่อบรรจุทุกครั้ง ให้รีดลมออกให้หมด แล้วทำการปิดห่อบรรจุทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นกระจายหาย ซึ่งจะช่วยให้ใบชามีคงความสดใหม่ คงคุณภาพอยู่ตลอดเวลา จึงต้องอย่าลืมว่าความชื้นมีผลต่อใบชาอย่างมาก เมื่อได้ใบชามาจึงควรบรรจุในถุงแล้วมัดให้แน่น ก่อนจะเก็บไว้ในภาชนะอีกชั้นหนึ่ง

กลิ่นหอมของชาคือสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หากจะนำชาบรรจุในถุง หรือภาชนะ ต้องอย่าลืมคำนึงถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ทั้งกลิ่นอับ หรือกลิ่นที่ติดอยู่ในภาชนะ แม้แต่กลิ่นรอบ ๆ เพราะการเก็บใบชาไว้ใกล้อาหาร หรือสิ่งของที่มีกลิ่นรุนแรง หรือแม้แต่ในภาชนะที่มีกลิ่นนั้น ใบชาจะดูดซับกลิ่นต่าง ๆ จนส่งผลให้กลิ่นใบชาผิดเพี้ยนไป และไม่เหมาะนำมาชงเครื่องดื่ม

ใช้ช้อนตัก ดีกว่าใช้มือหยิบ อย่างที่บอกใบชาควรสัมผัสอากาศ สัมผัสปัจจัยอื่น ๆ ให้น้อยที่สุด เพราะทุกปัจจัยล้วนส่งผลกระทบต่อกลิ่น ต่อรสชาติของใบชา นอกจากการบรรจุใบชาในภาชนะที่มิดชิดแล้ว การนำมาใช้ก็ต้องควรระมัดระวังด้วยเช่นกัน การจะชงชาจึงไม่ควรใช้มือหยิบ แต่ควรใช้ช้อนที่แห้งสนิทตักชา หรือควรมีช้อนที่ไว้ใช้สำหรับตักชาโดยเฉพาะยิ่งดี เพื่อช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

รู้หรือไม่ ? อุณหภูมิก็สำคัญต่อการเก็บรักษาใบชา รวมถึงใบชาแต่ละชนิดอาจต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องเก็บในที่แห้ง อุณภูมิต่ำ รวมถึงการเก็บใส่ในภาชนะที่ปิดแน่นมิดชิด และไม่ควรนำใบชาออกมาตากแดด ควรหลีกเลี่ยงความชื้น และมั่นรักษาอุณหภูมิของใบชาให้คงที่เสมอ ที่สำคัญควรเก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี

หากซื้อชามาในปริมาณมากเกินไป ให้นำมาบรรจุในถุงกระดาษ ถุงพลาสติกที่สะอาด ไม่มีกลิ่น แล้วนำมาห่อปิดให้แน่นสนิทแล้ววางบนถาดวางอีกครั้ง จากนั้นให้นำถ่านวางรอบ ๆ แล้วนำไปเก็บในที่ไม่มีแสงแดดลอดผ่าน หรือหากมีปริมาณใบชาที่น้อย สามารถใส่ไว้ในภาชนะที่เป็นเหล็ก แล้วนำซองกันชื้นใส่ลงไป จากนั้นปิดฝาให้แน่นสนิท หรือจะนำใส่ในขวดน้ำที่แห้งสนิท แล้วปิดฝาให้สนิทป้องกันอากาศเข้าไปในขวด

ใบชาสามารถดูดซับกลิ่นได้ทุกชนิด เมื่อเก็บรักษาไม่ดีจะทำให้ใบชามีกลิ่น รสชาติ สี ที่ผิดเพี้ยนไปได้ และไม่เหมาะที่จะนำมาชงเป็นเครื่องดื่ม

วิธีเก็บรักษาใบชาแห้ง ให้คงความสดใหม่อยู่ได้นาน

ใบชาจะคงคุณภาพเดิม คือต้องเก็บรักษาถูกวิธี เพื่อให้คงกลิ่น รสชาติ ของชาแท้ ๆ และภาชนะที่ใส่จะต้องแห้ง ไม่มีกลิ่น อากาศเข้าไปไม่ได้ และต้องระวังปัจจัยหลักอย่าง แสงแดด ความชื้น อุณหภูมิ ที่ส่งผลกระทบต่อใบชาโดยตรง

คุณภาพของใบชาลดลงได้ โดยทั่วไปแล้วใบชาจะสามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 ปี เพราะหากเก็บไว้นานเกินไป กลิ่น และรสชาติของชาก็จะจางหาย

การเก็บใบชาไม่ถูกวิธี กลิ่น รสชาติของชาอาจจะจางลดลงได้ในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งสิ่งสำคัญในการเก็บรักษาใบชา คือต้องพยายามทำให้กลิ่นของชาคงอยู่ คงกลิ่นเดิม เมื่อนำไปชงแล้วรสชาติไม่เปลี่ยนไป
กระป๋องเหล็ก ภาชนะทึบ เหมาะสำหรับการเก็บใบชามากที่สุด เพราะกระป๋องเหล็กจะสามารถกักเก็บกลิ่นของใบชาได้ดีกว่าภาชนะพลาสติก กล่องไม้ โหลแก้ว เพื่อเป็นการเก็บรักษาใบชาและยังคงรสชาติเดิมของชาทุกแก้วได้อย่างดี

แล้วอย่าลืมกลับไปสังเกตใบชาในร้านกาแฟ ร้านชาไข่มุกของคุณ ว่าขณะที่ซื้อมาจนใช้มาขณะหนึ่งแล้ว กลิ่น สี รสชาติเมื่อชงแล้วมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ยิ่งซื้อมากักตุนเยอะ และไม่รู้การเก็บที่ถูกต้อง จะทำให้กลิ่น รสชาติเปลี่ยน เครื่องดื่มชาสุดโปรดของลูกค้าหลาย ๆ คน ชงกี่แก้วก็ออกจะมาไม่เหมือนเดิมนั่นเอง