ไขข้อข้องใจ ! กาแฟดำกับโอเลี้ยง แตกต่างกันยังไง ? 

โอเลี้ยง โอเลี้ยงยกล้อ กับกาแฟดำ อเมริกาโน่ เมนูกาแฟเหล่านี้แตกต่างกันยังไง ทั้งที่มีสีเครื่องดื่มคล้ายกัน สกัดมาจากเมล็ดกาแฟเหมือนกัน เชื่อว่าปัญหานี้หลาย ๆ คนที่เป็นเจ้าของร้านกาแฟต้องสงสัย และอยากรู้คำตอบ

วันนี้ทาง bluemocha เราจึงจะมาไขข้อสงสัยกันว่าจริง ๆ แล้วกาแฟดำและโอเลี้ยงนั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง มีกลิ่น สี รสชาติยังไง พร้อมแล้วลองมาศึกษาไปด้วยกันเลย รับรองว่าหลังจากนี้ไม่มีผิดพลาดแน่นอน

กาแฟดำคืออะไร

กาแฟดำ คือ เอสเพรสโซ อเมริกาโน่ เมนูกาแฟยอดฮิตที่หลาย ๆ คนชอบดื่ม ซึ่งเป็นกาแฟที่ได้มาจากการนำเมล็ดกาแฟไปคั่ว นำมาบด แล้วสกัดเป็นน้ำกาแฟออกมา โดยที่ไม่นิยมเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม หรือวัตถุดิบเพิ่มความหวานใด ๆ ซึ่งจะเพิ่มแค่น้ำเปล่า น้ำแข็งเท่านั้น สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น สำหรับกาแฟดำนี้ นับว่าเป็นเบสกาแฟที่สำคัญ ที่สามารถนำไปชงเป็นเมนูกาแฟอื่น ๆ ได้ อย่าง ลาเต้ มอคค่า คาปูชิโน่ เป็นต้น   

โอเลี้ยงคืออะไร

โอเลี้ยง คือ เมนูกาแฟที่มีชื่อมาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งคำว่า “โอ” แปลว่า ดำ และคำว่า “เลี้ยง” แปลว่า เย็น รวมกันแล้วจึงมีความหมายว่า เครื่องดื่มสีดำที่มีความเย็นสดชื่น และโอเลี้ยงนั้นไม่ได้ผลิตมาจากเมล็ดกาแฟคั่วเท่านั้น แต่มีการคั่วผสมกับเมล็ดข้าวโพด มะขามคั่ว และอื่น ๆ เพื่อเป็นการลดต้นทุน และทำให้ได้กาแฟโบราณที่มีกลิ่น รสชาติ ต่างจากกาแฟดำนั่นเอง 

วิธีการชง กาแฟดำ VS โอเลี้ยง

• วิธีการชงกาแฟดำ

การชงกาแฟดำถือว่าเป็นวิธีการชงทั่วไปที่หลาย ๆ ร้านทำกันอยู่แล้ว คือการนำเมล็ดกาแฟคุณภาพดีมาผ่านการคั่ว โดยสามารถเลือกระดับการคั่วกาแฟได้ถึง 3 ระดับ คือ การคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม จากนั้นก็นำเมล็ดกาแฟมาบด แล้วมาสกัดซึ่งเลือกสกัดได้ทั้งเครื่องชงกาแฟ ถุงกรอง เมือได้น้ำกาแฟแล้ว ก็สามารถเสิร์ฟแบบร้อนเป็นเมนูเอสเพรสโซ หรือจะเติมน้ำเปล่า น้ำแข็ง เสิร์ฟเป็นเมนูอเมริกาโน่ก็ได้ รวมไปถึงยังนำมาชงเป็นเครื่องดื่มเมนูกาแฟต่าง ๆ ได้เลย เช่น กาแฟนมชมพู กาแฟมัทฉะ เป็นต้น  

• วิธีการชงโอเลี้ยง

เมนูกาแฟโบราณยอดนิยมที่ขายดีตลอดกาล ซึ่งการชงโอเลี้ยงจะเป็นการใช้กาแฟโบราณ มาชงผ่านถุงกรองแล้วเทน้ำร้อนผ่านลงไป จากนั้นให้เทสลับไปมา 4-5 รอบ เพื่อให้ได้กลิ่น รสชาติของกาแฟที่เข้มข้น เมื่อได้น้ำกาแฟแล้วจะเติมน้ำตาลทรายลงไปคนให้เข้ากัน ตักน้ำแข็งใส่แก้วเทโอเลี้ยงลงไป และราดด้วยนมข้นจืดเท่านี้ก็ได้แล้ว บอกเลยว่าทำง่ายมาก ๆ และส่วนใหญ่จะนิยมดื่มแบบเย็นมากกว่าแบบร้อน เพราะจะให้ความหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ 

สรุปแล้วกาแฟดำกับโอเลี้ยงต่างกันยังไง ?

สรุปแล้วก็คือ ทั้งกาแฟดำและโอเลี้ยงมีความแตกต่างกันแม้ว่าผลิตมาจากเมล็ดกาแฟเหมือนกัน แต่ “กาแฟดำ’ จะมีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟอย่างเดียวไม่มีวัตถุดิบอื่น ๆ คั่วผสมด้วย แถมยังมีระดับการคั่วถึง 3 ระดับ ชงได้ทั้งเครื่องชงกาแฟและถุงกรอง เมื่อสกัดได้น้ำกาแฟแล้วก็นำไปชงเป็นเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ ส่วน “โอเลี้ยง” จะผลิตมาจากการคั่วผสมระหว่างเมล็ดกาแฟ และเมล็ดธัญพืชอย่าง เมล็ดข้าวโพด เมล็ดมะขาม เป็นต้น ไม่มีระดับการคั่วให้ได้เลือก ชงได้แค่ถุงกรอง และไม่สามารถนำน้ำกาแฟที่ได้ไปชงเมนูกาแฟอื่น ๆ ได้ ที่สำคัญจะมีกลิ่น รสชาติที่ต่างกันออกไป แม้ว่าจะสังเกตจากสีของเครื่องดื่มไม่ได้ แต่สามารถแยกจากกลิ่นและรสชาติได้อย่างแน่นอน

สรรพคุณของโอเลี้ยง ประโยชน์ของโอเลี้ยง

8 โอเลี้ยงสรรพคุณ ที่ใครหลายคนอาจคาดไม่ถึง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

5 เหตุผลที่เราควรดื่มโอเลี้ยง

โอเลี้ยงนี่แหละ เครื่องดื่มสามัญประจำบ้านที่หลายคนอาจมองข้าม แต่บอกเลยว่าภายใต้ความธรรมดานั้นซ่อนความไม่ธรรมดาไว้เพียบ และต่อไปนี้คือ 5 เหตุผลที่ทำไม เราจึงควรดื่มโอเลี้ยง

1. ปลุกวิญญาณที่หลับใหล ให้ตื่นเต็มตาในพริบตา

ลืมคาปูชิโน่ลาเต้อ่อนๆ ไปได้เลย! โอเลี้ยงคือกาแฟดำเข้มข้นที่ผ่านการชงแบบโบราณ ทำให้ได้ปริมาณคาเฟอีนที่ทรงพลังราวกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล! หากคุณต้องการบูสต์สมองให้ตื่นตัวสูงสุดอย่างรวดเร็ว เพื่อสู้กับงานกองโตหรืออาการง่วงซึมหลังมื้อเที่ยง โอเลี้ยงหนึ่งแก้วคือคำตอบที่แรงและเร็วกว่าที่คุณคิดไว้มาก! มันคือช็อตพลังงานแบบไม่ปรานีที่ตรงเข้าปลุกระบบของคุณให้พร้อมทำงานทันที!

2. ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่คือการดื่มด่ำกับ ‘ตำนาน’ และจิตวิญญาณริมทางเท้าไทย

โอเลี้ยงไม่ใช่แค่กาแฟใส่น้ำตาล แต่มันคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการกินดื่มของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยแท้ การได้จิบโอเลี้ยงเย็นๆ ข้างทาง หรือในร้านกาแฟโบราณ คือการได้สัมผัสกับรสชาติแห่งวันวาน วิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมเสน่ห์ มันคือเครื่องดื่มที่เป็นสัญลักษณ์ของความขยันขันแข็งของผู้คน เป็นพลังงานขับเคลื่อนชีวิตประจำวันของชนชั้นแรงงานไปจนถึงนักธุรกิจ การดื่มโอเลี้ยงจึงไม่ใช่แค่ดับกระหาย แต่คือการดื่มด่ำกับเรื่องราวและจิตวิญญาณของสังคมไทยอย่างแท้จริง!

3. ขุมพลังลับที่ใครก็เอื้อมถึง บูสต์ความกระปรี้กระเปร่าได้โดยไม่ทำลายกระเป๋า

ในยุคที่กาแฟแก้วละร้อยสองร้อยกลายเป็นเรื่องปกติ โอเลี้ยงยังคงยืนหยัดเป็นฮีโร่ผู้น่ารักในเรื่องราคา! ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ โอเลี้ยงจึงเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานออฟฟิศ หรือพ่อค้าแม่ขายริมทาง คุณก็สามารถเติมพลังความสดชื่นและสมาธิให้ตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย มันคือข้อพิสูจน์ว่าของดีและมีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป

4. การผจญภัยของต่อมรับรส สัมผัสความเข้มข้นตัดหวานที่หาไม่ได้ง่ายๆ

รสชาติของโอเลี้ยงนั้นมีความซับซ้อนกว่าที่คิด มันคือการปะทะกันอย่างลงตัวระหว่างความขมเข้มข้นของกาแฟดำที่คั่วอย่างพิถีพิถัน และความหวานละมุนของน้ำตาล (หรือนมข้นหวานสำหรับโอเลี้ยงยกล้อ) ความบาลานซ์นี้สร้างมิติของรสชาติที่ไม่เหมือนใคร และให้ความรู้สึกที่ ‘ถึงใจ’ ต่างจากกาแฟนมรสหวานทั่วไป มันคือประสบการณ์ทางรสชาติที่ท้าทายแต่ก็น่าหลงใหล สำหรับคนที่เบื่อความจำเจและมองหาความแตกต่าง โอเลี้ยงคือขุมทรัพย์ทางรสชาติที่รอให้คุณค้นพบ

5. อาวุธลับเพิ่มพลัง ‘โฟกัส’ ช่วยให้สมองแล่น คิดงานได้ไหลลื่น

ไม่ใช่แค่ทำให้ตื่น แต่ความเข้มข้นของกาแฟในโอเลี้ยงยังมีส่วนช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจ่อได้อย่างมีนัยสำคัญ คาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว มีสมาธิ และสามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาหรือทำงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิม หากคุณต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยให้ ‘สมองแล่น’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอเลี้ยงเย็นๆ สักแก้วอาจเป็นอาวุธลับที่ช่วยให้คุณพิชิตงานยากๆ ได้สำเร็จ!

โอเลี้ยง ข้อเสีย ข้อควรระวังที่ต้องรู้

1. น้ำตาลสูงมาก

หวานจัดเต็มแก้ว! ดื่มบ่อยๆ เสี่ยงน้ำหนักขึ้นและปัญหาสุขภาพจากน้ำตาลสะสม

2. คาเฟอีนแรงจัด

ปลุกพลังดี แต่อาจทำให้ใจสั่น มือสั่น หรือนอนไม่หลับในบางคน

3. รสชาติเฉพาะตัว

เข้มปรี๊ด หวานตัดขม… ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกปาก หรือชอบความเข้มข้นแบบนี้

4. รสชาติไม่คงที่

ความเข้มและความหวานอาจไม่เท่ากันทุกครั้งที่ดื่ม ขึ้นอยู่กับการชงของแต่ละร้าน/แต่ละคน

เป็นยังไงกันบ้าง ? ไขข้อข้องใจกันหรือยังกับความแตกต่างของกาแฟดำและโอเลี้ยง บอกเลยว่าต่อไปนี้ไม่มีสับสนกันอย่างแน่นอน ซึ่งจริง ๆ แล้วบอกเลยว่าเมนูกาแฟนั้นมีหลากหลายมาก เพราะกว่าจะได้เมนูกาแฟหนึ่งแก้วนั้น ต้องมีความพิถีพิถันตั้งแต่เทคนิคเลือกซื้อเลือกใช้เมล็ดกาแฟ การเลือกใช้โหลเก็บกาแฟ การศึกษาวิธีเก็บรักษาเมล็ดกาแฟที่ถูกต้อง  รวมไปถึงขั้นตอนการบดที่สามารถจะเลือกใช้ได้ทั้งเครื่องบดกาแฟมือหมุน–เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า การเลือกใช้เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ การใช้วัตถุดิบในการชงเพื่อให้ได้เมนูกาแฟแก้วโปรดของลูกค้า เพราะทุกขั้นตอนการทำคือหัวใจของกาแฟทุกแก้วสุดอร่อย

ไม่เพียงเท่านี้ใครที่สงสัยว่า แล้วกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูปแตกต่างกันอย่างไร เราก็มีคำตอบมาฝากคลิกดูเลย และการเปิดร้านกาแฟนอกจากการมีเมนูกาแฟสุดอร่อยหอมเข้มข้นแล้ว ก็ควรที่จะมีเมนูชาเอาใจคนไม่ดื่มกาแฟเข้าร้านด้วย รวมไปถึงการมีเมนูเบเกอรี่ของทานเล่นคู่กับกาแฟขายคู่กัน ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้จำนวนมาก แถมช่วยให้ร้านมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง    

สำหรับใครที่อยากได้ใบชาคุณภาพ เมล็ดกาแฟคุณภาพดี ต้องเลือกใช้ใบชาของโรงคั่วชา bluemocha โรงคั่วชาเชียงใหม่ที่นำใบชามาผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน แถมมีใบชาให้ได้เลือกใช้กันมากกว่า 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ใบชาเขียวพรีเมียม ชาเขียวที่ร้านเครื่องดื่มเลือกใช้กันมากที่สุด ชาแดงเชียงใหม่ ชาแดงที่ใช้ชงชาไทยแล้วสีสวยกลิ่นหอมเข้มข้นมาก ใบชาไต้หวันพรีเมียม นำไปชงชานมไข่มุกแล้วหอมกลมกล่อมมาก ผงโกโก้เข้มข้นแท้ไม่ผสมแป้ง แถมยังมีชาดอกไม้ ชาผลไม้ อย่าง ชาดอกอัญชัน ชากระเจี๊ยบ สีสวยจากธรรมชาติ ชาพีช ชากุหลาบ กลิ่นหอมสุด ๆ และใบชาอีกมากมาย คลิกดูสินค้าใบชาอื่น ๆ 

เพราะ bluemocha เราคือเพื่อนที่ดีที่สุดของร้านชาและกาแฟ เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ที่เกี่ยวกับการชงเครื่องดื่ม การทำเบสชา เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วยการทำชาขวดขาย การขายผ่านบริการเดลิเวอรี่ การขายขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และที่สำคัญเรายังมีข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบ อุปกรณ์ที่ใช้ในร้านกาแฟร้านชาไข่มุก ทั้งวิธีการเลือกซื้อเลือกใช้อย่าง
เครื่องชั่งดิจิตอล เครื่องตีฟองนม การแนะนำวัตถุดิบหลาย ๆ ยี่ห้อ อย่าง ผงชงชาไข่มุก ผงปั่น นมข้นหวาน เป็นต้น เพื่อใช้ในการชงเครื่องดื่มในร้านของคุณ สามารถคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่หน้าบทความของเราได้เลย ตลอดจนไปถึงสูตรชงเมนูน้ำชงต่าง ๆ เราก็มีสูตรชงมากมาย เช่น เมนูน้ำบ๊วย เมนูนมสดพาราไดซ์ ชาพีชครีมชีส ชามะนาวโซดา ชาเขียวนมชมพูเป็นต้น สามารถเลือกดูและนำไปทำตามทำขายกันได้เลย

สินค้าอื่น ๆ

ดูเพิ่มเติม <<