ส่งออกใบชาไทย ไปต่างประเทศต้องปรับตัวด้านกฎหมายและภาษีอย่างไร?
ส่งออกใบชาไทย ไปยังต่างประเทศเป็นหนึ่งในโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง อย่างไรก็ตามการที่ผู้ประกอบการจะสามารถดำเนินธุรกิจส่งออกใบชาไทยได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจในด้านกฎหมาย และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เพื่อให้สามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะแสดงให้เห็นถึงแง่มุมที่สำคัญในเรื่องของกฎหมายและภาษี รวมถึงการปรับตัวที่จำเป็นสำหรับการส่งออกใบชาไทยไปยังประเทศต่าง ๆ
กฎหมายการนำเข้า-ส่งออกใบชาไทย
ข้อกำหนดและกฎระเบียบสำหรับการนำเข้าสินค้าประเภทใบชาไทยต่างประเทศ
ส่งออกใบชาไทย ไปยังประเทศต่าง ๆ นั้นจำเป็นต้องศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าประเภทชาในแต่ละประเทศปลายทาง โดยแต่ละประเทศมักจะมีกฎหมายและมาตรการควบคุมสินค้านำเข้าที่แตกต่างกัน เช่น
- สหรัฐอเมริกา ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตามกฎหมายของ FDA (Food and Drug Administration) ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารและ USDA (United States Department of Agriculture) ซึ่งกำกับดูแลด้านการเกษตร
- สหภาพยุโรป สินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในสหภาพยุโรปต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจาก EFSA (European Food Safety Authority) เพื่อรับรองความปลอดภัย
- ญี่ปุ่น กฎหมายสุขอนามัยอาหารของญี่ปุ่น (Japanese Food Sanitation Law) เป็นข้อกำหนดที่ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร
การขออนุญาตและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการส่งออกใบชาไทย
ผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกชาไทยจำเป็นต้องได้รับอนุญาตและปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการส่งออก เช่น
การจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกกับกรมการค้าต่างประเทศ
การขอใบอนุญาตส่งออกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
การขอใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) จากกรมวิชาการเกษตร
มาตรการด้านภาษีและภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกใบชาไทย
การศึกษาโครงสร้างภาษีของประเทศปลายทางในการนำเข้าใบชา
ในการวางแผนด้านต้นทุนและราคาสินค้าชาไทย ผู้ประกอบการควรศึกษาระบบภาษีของประเทศปลายทางอย่างละเอียด อัตราภาษีนำเข้าชาจะขึ้นอยู่กับประเภทของชา เช่น
ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และผลกระทบต่อภาษีศุลกากร
ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) มีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนด้านภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกชาไทย ประเทศไทยมีข้อตกลง FTA กับหลายประเทศ เช่น
- ASEAN-China FTA ภาษีนำเข้าชาไทยในจีนเหลือ 0%
- ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership (AJCEP) ภาษีนำเข้าชาไทยในญี่ปุ่นเหลือ 0-12%
- Thailand-Australia FTA ยกเว้นภาษีนำเข้าชาไทยในออสเตรเลีย
การเตรียมเอกสารและการดำเนินการทางภาษีสำหรับการส่งออกชาไทย
เอกสารที่จำเป็นสำหรับการส่งออกชาไทย
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลายประเภท ได้แก่
ใบอนุญาตส่งออก(export license)
ใบรับรองคุณภาพ(Quality certificate)
ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)
ใบกำกับสินค้า (Invoice)
ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading)
ใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate)
การบริหารจัดการภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และการขอคืนภาษีสำหรับสินค้าส่งออก
ผู้ส่งออกสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการส่งออกสินค้าได้ตามขั้นตอนดังนี้
การจดทะเบียน VAT กับกรมสรรพากร
การยื่นแบบภาษี VAT ทุกเดือน (ภ.พ.30)
การยื่นคำขอคืน VAT สำหรับสินค้าส่งออก (แบบ ค.10)
ข้อจำกัดและการควบคุมการส่งออกในระดับนานาชาติ
ข้อจำกัดทางกฎหมายของประเทศปลายทาง
ผู้ส่งออกใบชาไทยควรตระหนักถึงข้อจำกัดทางกฎหมาย เช่น
- การจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้า
- มาตรการกีดกันทางการค้า
- ข้อกำหนดด้านฉลากและบรรจุภัณฑ์ที่เข้มงวด
มาตรการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย
ประเทศปลายทางมักมีมาตรการควบคุมด้านคุณภาพและความปลอดภัยชองใบชาไทย เช่น
- การตรวจสอบสารตกค้างและสารปนเปื้อน
- การควบคุมปริมาณสารคาเฟอีนในผลิตภัณฑ์
- การตรวจสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
การปรับตัวด้านกฎหมายในสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้า
การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น การคว่ำบาตร หรือการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงทางการค้า อาจส่งผลต่อการส่งออกชาไทย ดังนั้นผู้ส่งออกควรติดตามและปรับตัวให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับมาตรการป้องกันทางการค้า และการจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและการเมือง
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือเศรษฐกิจในประเทศปลายทางอาจมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคและการนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายการนำเข้าสินค้า การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชากร
การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิทางการค้าในต่างประเทศ
การคุ้มครองเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง
ผู้ส่งออกควรดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศและขอความคุ้มครองลิขสิทธิ์สำหรับงานออกแบบและบรรจุภัณฑ์ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์ทางการค้า
การป้องกันการละเมิดสิทธิ์ทางการค้า
การติดตามตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ละเมิดสิทธิ์เป็นสิ่งที่สำคัญในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
Trick : วิธีการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภาษีสำหรับการส่งออก
กลยุทธ์ในการลดต้นทุนภาษี
การลดต้นทุนภาษีสามารถทำได้โดยการเลือกเส้นทางการขนส่งที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ หรือใช้ Free Trade Zone และคลังสินค้าทัณฑ์บนในการเก็บสินค้า
การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้า
ผู้ส่งออกควรใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หรือสิทธิพิเศษทางภาษี เช่น GSP (Generalized System of Preferences
การใช้ประโยชน์จาก Free Trade Zone และ Special Economic Zone
Free Trade Zone (FTZ) และ Special Economic Zone (SEZ) เป็นพื้นที่พิเศษที่มักจะมีการยกเว้นภาษีศุลกากรและภาษีอื่น ๆ สำหรับสินค้าที่นำเข้าเพื่อการแปรรูปและส่งออก ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนภาษีสำหรับผู้ส่งออกใบชาไทยได้
- Free Trade Zone (FTZ) พื้นที่ที่อนุญาตให้นำเข้าวัตถุดิบโดยไม่ต้องเสียภาษี หากวัตถุดิบนั้นจะถูกนำมาใช้ในการผลิตและส่งออกอีกครั้ง ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนการขนส่งและค่าภาษีในส่วนนี้ได้
- Special Economic Zone (SEZ) เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิพิเศษอื่นๆ สำหรับการลงทุน ผู้ส่งออกสามารถจัดตั้งโรงงานแปรรูปชาใน SEZ เพื่อใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ในการลดต้นทุนการผลิตและการขนส่ง
การใช้ FTZ และ SEZ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารความเสี่ยงทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
การส่งออกสินค้าใบชาไทยไปยังต่างประเทศ ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อรายได้และต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงตามมูลค่าของค่าเงิน ในการบริหารความเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ประกอบการสามารถใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ดังนี้
- การทำสัญญาล่วงหน้า (Forward Contract) ผู้ส่งออกสามารถทำสัญญาล่วงหน้าในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- การใช้บริการจากธนาคารและที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ประกอบการสามารถขอคำแนะนำจากธนาคารหรือที่ปรึกษาทางการเงินเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือการบริหารเงินสดที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
- การตั้งราคาขายเป็นสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ผู้ส่งออกอาจพิจารณาตั้งราคาขายสินค้าเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศปลายทาง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ในบางกรณี
การเตรียมพร้อมในการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานสากล
การส่งออกสินค้าชาไทยไปยังตลาดต่างประเทศนั้น มักจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานสากล เช่น
มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organic Certification)
ในตลาดที่ต้องการสินค้าที่มาจากการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้บริโภค เช่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ผู้ส่งออกจำเป็นต้องได้รับการรับรองด้านเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดกลุ่มนี้ได้
มาตรฐานสุขอนามัยอาหาร (Food Safety Standards)
เช่น HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) หรือ ISO 22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยในกระบวนการผลิต ผู้ส่งออกควรปรับตัวและเตรียมโรงงานหรือกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานนี้
การเตรียมตัวให้พร้อมผ่านการตรวจสอบมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ชาไทยและเพิ่มโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวด การส่งออกชาไทยไปยังตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสที่ท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาส ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกของแต่ละประเทศ พร้อมทั้งเตรียมพร้อมในด้านการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้าในตลาดต่างประเทศ ด้วยการวางแผนและปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจการส่งออกชาไทยได้อย่างมั่นคง
นอกจากเรื่องกฎหมายและภาษี ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การส่งออกประสบความสำเร็จและยั่งยืน ในบทความนี้จะเพิ่มเติมเนื้อหาที่ครอบคลุมในมิติต่าง ๆ เช่น การป้องกันการฟอกเงินในธุรกิจส่งออก และการปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ
การป้องกันการฟอกเงินและการบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจส่งออก
การปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering: AML)
ธุรกิจส่งออกมีความเสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการเงินสนับสนุนการก่อการร้าย (Counter-Terrorism Financing : CTF) โดยมีการควบคุมด้านเอกสารและการทำธุรกรรมทางการเงินที่โปร่งใส ดังนี้
- การตรวจสอบตัวตนของคู่ค้าและลูกค้า (Know Your Customer : KYC) เพื่อป้องกันการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยง
- การเก็บรักษาข้อมูลการทำธุรกรรมและเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด
- การรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจปลอดภัยจากการถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในตลาดโลก
การสร้างและบริหารจัดการแบรนด์สำหรับตลาดต่างประเทศ
การสร้างแบรนด์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และตรงกับความต้องการของตลาด การสร้างแบรนด์ชาไทยให้มีความน่าสนใจและเข้ากับวัฒนธรรมของประเทศปลายทางเป็นสิ่งที่จำเป็นในการขยายตลาดต่างประเทศ โดยสามารถใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ดังนี้
- การใช้เรื่องราวของชาไทยเพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภค ผู้บริโภคต่างประเทศมักให้ความสำคัญกับเรื่องราวเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ การนำเสนอประวัติความเป็นมา วัฒนธรรม และกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของชาไทยจะช่วยให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มในสายตาผู้บริโภค
- การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับรสนิยมของผู้บริโภคในประเทศปลายทาง ในบางประเทศ ผู้บริโภคอาจชอบบรรจุภัณฑ์ที่หรูหราและทันสมัย ในขณะที่บางประเทศอาจให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายและยั่งยืน การศึกษารสนิยมของลูกค้าในแต่ละตลาดจะช่วยให้ผู้ประกอบการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้
- การทำตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) การใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จะช่วยขยายฐานลูกค้าต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคนิยมการซื้อสินค้าออนไลน์
การส่งออกชาไทยไปยังตลาดต่างประเทศต้องการการปรับตัวในหลายมิติ ไม่เพียงแต่ในด้านกฎหมายและภาษี แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดโลก การวางแผนที่ครอบคลุมและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในตลาดต่างประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในธุรกิจส่งออกใบชาไทย
บทความที่เกี่ยวข้อง”ส่งออกใบชาไทย”
- ขายส่งผงชาไทย (OEM Thai Tea) ผงชาไทยสำเร็จรูป ส่งออกผงชาไทย
- โรงงานผลิตชาไทย (OEM Thai Tea) รับสร้างแบรนด์ชาไทย มีหลายสูตร
- 10 ผงชาไทย ผงชาเย็น ผงชาแดง ยี่ห้อไหนอร่อย
- ชงชาไทย ชาเย็น ใช้ชาอะไรในการชง
โรงงานผลิตใบชาไทย Bluemocha เชียงใหม่
โรงงานผลิตชา Bluemocha เชียงใหม่ ผ่านมาตรฐาน GMP ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของคุณภาพรสชาติ และกลิ่น รวมถึงการรักษาความสะอาดในกระบวนการบรรจุ ทุกขั้นตอนผลิตด้วยหลักมาตรฐานสากล ด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน
- HACCP : มาตรการป้องกันอันตรายที่ผู้บริโภคจะได้รับเมื่อบริโภค
- GHPs : ระบบพื้นฐานที่โรงงานผลิตอาหารต้องมี ตอบสนองนโยบายอนามัยโลก
- เครื่องหมายฮาลาล : สัญลักษณ์ที่หมายถึงมุสลิมบริโภคได้
- เครื่องหมาย อย. : ผลิตภัณฑ์ได้ผ่านมาตรฐานการผลิต หรือนำเข้า
Bluemocha จำหน่ายและส่งออกใบชาไทย รวมถึงใบชาอื่น ๆ ไปยังต่างประเทศ โดยเน้นที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะชาเขียวและชาไทยที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มที่ผู้ผลิตชาในประเทศไทยเริ่มขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากคุณภาพของใบชาที่ได้รับการยอมรับและความต้องการของตลาดชาในต่างประเทศ โดยเฉพาะชาไทยที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ Bluemocha ยังมีการทำแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ ซึ่งช่วยในการเจาะตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจราคาส่ง เริ่มต้น 6 กิโลกรัมขึ้นไป แอดไลน์ @bluemochacoffee
Bluemocha มีใบชาที่นำมาคั่วอบผ่านกรรมวิธีที่ได้มาตรฐาน มีให้เลือกมากกว่า 40 รายการ สินค้าใบชาที่ Bluemocha ขายดี ไม่ว่าจะเป็น ชาไทยพรีเมียม, ชาไทยโกลด์, ชาเขียวพรีเมียม, ชาไต้หวัน, ชาไต้หวันพรีเมียม, ชาอัญชัน, ชามะลิใส, ผงครีมชีส, ผงโกโก้ และอื่น ๆ อีกมากมายที่เรามี ไม่ว่าจะเป็น ชาแดงโบราณ, ชาเขียวโกลด์, ชาเขียวมะลิ, ชาเขียวใส, ชาเขียวไม่มีสี, ชาเขียวมัทฉะ, ชาอู่หลงสีทอง GD-8, ชาพีนัทบัทเตอร์, ชากุหลาบ, ชาเบอร์รี่, ชาพีช, ชาสด, ชากระเจี๊ยบ และผงดาร์กเกอร์โกโก้ ที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า มาจากแหล่งเพาะปลูกในประเทศไทย และนำเข้าจากต่างประเทศ
การส่งออกใบชาของ Bluemocha นั้นมักเน้นการควบคุมคุณภาพเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดสากลได้ โดยการเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งปลูกชาที่มีคุณภาพ และการแปรรูปที่ทันสมัย ทำให้สามารถรักษารสชาติและคุณภาพของใบชาได้เป็นอย่างดี Bluemocha ยังมีการพัฒนาแบรนด์และสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและการสร้างเครือข่ายกับผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการเจาะตลาดใหม่ ๆ
โรงงานผลิตชา Bluemocha มีบริการ ผลิตชา OEM&ODM ที่มีมาตรฐานรับรอง มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา จัดหาวัตถุดิบ ดูแลในส่วนของกระบวนการผลิต การบรรจุ ตลอดจนไปถึงการหาบริการขนส่งที่เหมาะสม เพื่อให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี สามารถผลิตชาได้หลากหลายชนิด ทั้งยังมีบริการรับพัฒนาสูตรชา และแกะสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า
หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เรา เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป Bluemocha เรามีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ Bluemocha พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน
“Bluemocha เราคือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
WRITTEN BY
Keeratiyanut C.
ชีวิตจิตใจมอบให้แด่ชาและการบริการ แถมเป็นทาสแมวที่หลงรักแมวทุกตัวบนโลกใบนี้ จินตนาการสูงส่ง และชอบทุกความท้าทายพร้อมเผชิญกับปัญหาทุกสถานการณ์