อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !

ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ !

อินโดนีเซียเป็นตลาดชาขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการ ส่งออกชา แต่การเริ่มต้นธุรกิจส่งออก อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ บทความนี้ จึงได้รวบรวม 5 เคล็ดลับ ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย สำหรับมือใหม่ พร้อมแนะนำ โรงงานรับผลิตชาส่งออก ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น และ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”ได้อย่างมั่นใจ

Advertisements
อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !

5 เคล็ดลับ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”สำหรับมือใหม่ !

อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และมีวัฒนธรรมการดื่มชาที่แข็งแกร่ง ดังนั้น จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการส่งออกชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาจากประเทศไทย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นธุรกิจส่งออกชาไปอินโดนีเซีย เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับตลาดชาของประเทศนี้ให้ดีเสียก่อน

  • ขนาดตลาด : ตลาดชามีมูลค่ามหาศาล โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
  • พฤติกรรมผู้บริโภค : ชาวอินโดนีเซียนิยมดื่มชาทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และร้านค้า โดยเฉพาะชาพร้อมดื่ม
  • ช่องทางการจัดจำหน่าย : ร้านค้าปลีก, ร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าออนไลน์
  • ชาเขียว : เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีรสชาติ กลิ่นหอม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ชาไทย : นิยมรองลงมา มักดื่มแบบหวาน
  • ชาสมุนไพร : กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจาก คนอินโดนีเซียหันมาใส่ใจสุขภาพ
  • ชาผลไม้ : เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่

ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตชาคุณภาพดี โดยเฉพาะชาจากภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมีรสชาติ กลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความหลากหลาย เช่น ชาอู่หลงและชาอัสสัม

  • คุณภาพ : ใบชาจากแหล่งปลูกคุณภาพดี
  • รสชาติ : มีรสชาติ กลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ความหลากหลาย : มีชาหลายชนิด หลายสายพันธุ์
  • ราคา : สามารถแข่งขันได้

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการ ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง สามารถใช้บริการโรงงานรับผลิตชา Bluemocha มีบริการ OEM&ODM ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างแบรนด์ชาของตัวเองได้ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน สิ่งสำคัญ คือการเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิต ได้รับ ใบอนุญาตส่งออก และมีความน่าเชื่อถือ เริ่มต้นธุรกิจส่งออกชาไปอินโดนีเซีย ด้วยการศึกษาตลาด เตรียมความพร้อม และเลือกพันธมิตรที่ดี เพื่อความสำเร็จในระยะยาว

อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !

หลังจากที่เราได้ศึกษาตลาดชาอินโดนีเซียกันไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกชา ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะช่วยให้การส่งออกของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

  • มาตรฐานสินค้า : อินโดนีเซียมีมาตรฐานสินค้าสำหรับชา เช่น มาตรฐาน SNI (Standar Nasional Indonesia) ซึ่งครอบคลุมเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และการติดฉลาก ผู้ส่งออกต้องศึกษา และปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ อย่างเคร่งครัด
  • ใบอนุญาต : การส่งออกชาไปอินโดนีเซีย ต้องมี ใบอนุญาตส่งออก และใบอนุญาตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใบรับรองสุขอนามัย 
  • ภาษี : ผู้ส่งออกต้องศึกษา และชำระภาษีนำเข้า ตามที่กฎหมายอินโดนีเซียกำหนด
  • ศึกษาข้อมูลการค้า : เช่น สถิติการนำเข้า ส่งออก แนวโน้ม โอกาส
  • ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ : เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สถานทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา เพื่อขอคำปรึกษา และข้อมูล
  • เข้าร่วมงานแสดงสินค้า : เพื่อ ศึกษา ตลาด และ หาลูกค้า
  • ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) : ใช้ยืนยันว่าสินค้ามีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
  • ใบรับรองสุขอนามัย (Phytosanitary Certificate) : รับรองว่าสินค้าปลอดจากศัตรูพืช
  • ใบอนุญาตส่งออก : ออกโดยหน่วยงานภาครัฐของไทย
  • ใบแจ้งหนี้ (Invoice) : แสดงรายละเอียด และมูลค่าสินค้า
  • ใบตราส่ง (Bill of Lading) : เอกสารที่ใช้ในการขนส่งสินค้าทางเรือ
    • เอกสารอื่น ๆ : เช่น ใบรายการบรรจุภัณฑ์ (Packing List) กรมธรรม์ประกันภัย (Insurance Policy)
  • โลโก้ : ออกแบบโลโก้ที่ สื่อถึง ภาพลักษณ์ ของ แบรนด์
  • บรรจุภัณฑ์ : เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ สวยงาม แข็งแรง เหมาะสมกับ การขนส่ง และ ดึงดูด ความสนใจ
  • ชื่อแบรนด์ : เลือกชื่อที่ จดจำง่าย สื่อความหมาย และ เหมาะสมกับ ตลาดอินโดนีเซีย

ผู้ประกอบการ สามารถใช้บริการโรงงานรับผลิตชาส่งออก เพื่อลดต้นทุน และความเสี่ยงในการลงทุนสร้างโรงงานเอง สิ่งสำคัญ คือการเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิต ได้รับใบอนุญาตส่งออกมีความน่าเชื่อถือ และมีบริการ OEM&ODM ที่ตรงกับความต้องการการเตรียมความพร้อม อย่างรอบคอบเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในการส่งออกชาไปอินโดนีเซีย

อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !

การส่งออกชาไปอินโดนีเซีย สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง การเลือกใช้บริการโรงงานรับผลิตชาส่งออก ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการลงทุน

  • มาตรฐานการผลิต : โรงงานควรมีมาตรฐานการผลิต ที่ได้รับการรับรอง เช่น GMP HACCP ISO เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า
  • ประสบการณ์ : เลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตชาและส่งออกชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งออกไปยังตลาดชาอินโดนีเซีย
  • ความน่าเชื่อถือ : ตรวจสอบประวัติ และชื่อเสียงของโรงงาน รวมถึง รีวิวจากลูกค้า
  • ใบอนุญาต : โรงงานต้องมีใบอนุญาต ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตส่งออก
  • OEM : โรงงานผลิตสินค้าตามสูตรและแบรนด์ของลูกค้า
  • ODM : โรงงานออกแบบและผลิตสินค้า
  • บริการอื่น ๆ : เช่น การพัฒนาสูตรชา, การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ การจัดหาวัตถุดิบ
  • เยี่ยมชมโรงงาน : เพื่อดูสถานที่, เครื่องจักร และกระบวนการผลิต
  • ตรวจสอบใบอนุญาต : เพื่อให้มั่นใจว่าโรงงานดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
  • สอบถามข้อมูล : เกี่ยวกับประสบการณ์, กำลังการผลิต, ราคา และเงื่อนไขต่าง ๆ
  • ราคา : ต่อรองราคาให้เหมาะสมกับงบประมาณ
  • เงื่อนไขการชำระเงิน : ตกลงวิธีการและกำหนดเวลาชำระเงิน
  • ระยะเวลาการผลิต : กำหนดระยะเวลาการผลิต และการส่งมอบให้ ชัดเจน

เมื่อคุณเตรียมความพร้อม และเลือกโรงงานรับผลิตชาส่งออกที่ตรงใจได้แล้ว ก็ถึงเวลาลงมือ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”กันโดยมีขั้นตอน ดังนี้

Advertisements
อยาก ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ? บทความนี้ มี 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ และโรงงานรับผลิตชาส่งออก บริการครบวงจร !
  • ช่องทางการหาลูกค้า :
    • เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น งานTrade Expo Indonesia
    • ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Alibaba Indotrading
    • ติดต่อผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย
    • ใช้บริการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
  • การนำเสนอสินค้า :
    • จัดทำ Company Profile และ Product Catalog ที่น่าสนใจ
    • นำเสนอจุดเด่น และความแตกต่างของชา
    • เสนอตัวอย่างสินค้า (Sample) ให้ลูกค้าทดลอง
    • เจรจาเงื่อนไขราคาและการชำระเงิน
  • รายละเอียดข้อตกลง :
    • ชนิด, ปริมาณ และราคาของชา
    • มาตรฐาน และคุณภาพสินค้า
    • เงื่อนไขการชำระเงิน
    • ระยะเวลาการส่งมอบ
    • การรับประกัน
    • วิธีการแก้ไขข้อพิพาท
  • บันทึกข้อตกลง :
    • เป็นลายลักษณ์อักษรลงนามโดยทั้งสองฝ่าย
  • บรรจุภัณฑ์ :
    • เลือกบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรง ทนทาน เหมาะสมกับการขนส่งทางไกล
    • บรรจุภัณฑ์ต้องป้องกันความเสียหายจากความชื้น, อุณหภูมิ และแรงกระแทก
    • ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามดึงดูดใจ และสอดคล้องกับตลาดชาอินโดนีเซีย
  • การเลือกวิธีขนส่ง :
    • ทางเรือ : เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณมาก, ค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ใช้เวลานาน
    • ทางอากาศ : เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณน้อย, รวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายสูง
    • ทางบก : อาจใช้ร่วมกับการขนส่งทางเรือหรือทางอากาศ
  • เอกสาร :
    • เตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบแจ้งหนี้, ใบตราส่ง, ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า, ใบรับรองสุขอนามัย และใบอนุญาตส่งออก
  • ขั้นตอน :
    • ยื่นใบขนสินค้าขาออก
    • ชำระค่าธรรมเนียมและภาษี
    • ผ่านพิธีการตรวจปล่อยสินค้า
  • วิธีการ :
    • Letter of Credit (L/C)
    • Telegraphic Transfer (T/T)
    • PayPal
  • ตกลงเงื่อนไขการชำระเงินให้ชัดเจนกับลูกค้า

การส่งออกชาไปอินโดนีเซียมีหลายขั้นตอนผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 

  • อินโดนีเซียมีมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตรการปกป้อง มาตรการห้ามนำเข้า, มาตรการใบอนุญาตนำเข้า และมาตรการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานอาหารและยาของอินโดนีเซีย สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ส่งออกรายใหม่ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับกฎระเบียบ

สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : ศึกษากฎระเบียบ และมาตรฐานต่าง ๆ อย่างละเอียด เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

  • มีการแข่งขันสูงจากสินค้า, จากประเทศ และอื่น ๆ เช่น จีน, อินเดีย และเวียดนาม
  • ผู้ส่งออกต้องสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า และบริการของตนเอง

สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : เน้นคุณภาพ และความเป็นเอกลักษณ์ชาของไทย สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

  • ระบบราชการของอินโดนีเซียค่อนข้างซับซ้อน 
  • ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าอาจมีความล่าช้า และมีค่าใช้จ่ายสูง

สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : ศึกษาขั้นตอนการนำเข้าสินค้า และพิธีการศุลกากรอย่างละเอียด เลือกใช้ตัวแทนออกของ (Customs Broker) ที่มีประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือ

  • ข้อมูลการค้า และการตลาดในอินโดนีเซียอาจหาได้ยากและล้าสมัย
  • การเข้าถึงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผน และการตัดสินใจทางธุรกิจ

สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : สร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลออนไลน์

แม้จะมีอุปสรรค์ แต่อินโดนีเซียก็ยังเป็นตลาดที่มีโอกาสทางการค้าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการส่งออกชาจากประเทศไทยด้วยเหตุผล ตลาดขนาดใหญ่ อินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนมีประชากรกว่า 237.5 ล้านคน ซึ่งหมายถึงมผู้บริโภคจำนวนมากที่มีศักยภาพในการซื้อชา มีกำลังซื้อสูง ร้อยละ 15 ของประชากร อินโดนีเซียมีฐานะดี และมีกำลังซื้อสูงกลุ่มคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อชาคุณภาพดีและมีราคาสูง เศรษฐกิจเติบโต เศรษฐกิจของอินโดนีเซียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินค้า และบริการเพิ่มขึ้นรวมถึงชาด้วย ความนิยมสินค้าไทย ชาวอินโดนีเซียมีความนิยมสินค้า และบริการจากประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับผู้ส่งออกชาของไทย สิทธิประโยชน์ทางภาษี การส่งออกชาไปอินโดนีเซียสามารถใช้ประโยชน์ จากการปลอดภาษีนำเข้าในกรอบข้อตกลงอาเซียน (CEPT/AFTA) ซึ่งช่วยลดต้นทุน ได้

สำหรับใครที่ต้องการใบชาและเมล็ดกาแฟ โรงงานผลิตชา Bluemocha เชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องชาจากประสบการณ์ 17 ปี สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ Bluemocha ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ ทำให้ขณะนี้ Bluemocha เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายใบชาคุณภาพมากกว่า 40 ชนิดด้วยกัน ให้ลูกค้าได้เลือกสรรกัน โรงงานผลิตชา Bluemocha เชียงใหม่ ผ่านมาตรฐาน GMP ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของคุณภาพรสชาติ และกลิ่น รวมถึงการรักษาความสะอาดในกระบวนการบรรจุ ทุกขั้นตอนผลิตด้วยหลักมาตรฐานสากล ด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน

หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป เรามีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ ด้วยบริการที่ครบวงจร

ผู้เขียนบทความชา กาแฟ

WRITTEN BY

Keeratiyanut C.

ชีวิตจิตใจมอบให้แด่ชาและการบริการ แถมเป็นทาสแมวที่หลงรักแมวทุกตัวบนโลกใบนี้ จินตนาการสูงส่ง และชอบทุกความท้าทายพร้อมเผชิญกับปัญหาทุกสถานการณ์

Similar Posts