ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย 5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ !
อินโดนีเซียเป็นตลาดชาขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการ ส่งออกชา แต่การเริ่มต้นธุรกิจส่งออก อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ บทความนี้ จึงได้รวบรวม 5 เคล็ดลับ ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย สำหรับมือใหม่ พร้อมแนะนำ โรงงานรับผลิตชาส่งออก ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น และ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”ได้อย่างมั่นใจ
5 เคล็ดลับ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”สำหรับมือใหม่ !
1. ทำความรู้จักตลาดชาอินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และมีวัฒนธรรมการดื่มชาที่แข็งแกร่ง ดังนั้น จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการส่งออกชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาจากประเทศไทย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นธุรกิจส่งออกชาไปอินโดนีเซีย เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับตลาดชาของประเทศนี้ให้ดีเสียก่อน
ภาพรวมตลาดชาอินโดนีเซีย
- ขนาดตลาด : ตลาดชามีมูลค่ามหาศาล โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
- พฤติกรรมผู้บริโภค : ชาวอินโดนีเซียนิยมดื่มชาทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และร้านค้า โดยเฉพาะชาพร้อมดื่ม
- ช่องทางการจัดจำหน่าย : ร้านค้าปลีก, ร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าออนไลน์
ชนิดของชาที่นิยมในอินโดนีเซีย
- ชาเขียว : เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากมีรสชาติ กลิ่นหอม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ชาไทย : นิยมรองลงมา มักดื่มแบบหวาน
- ชาสมุนไพร : กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจาก คนอินโดนีเซียหันมาใส่ใจสุขภาพ
- ชาผลไม้ : เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่
โอกาสสำหรับชาของไทยในตลาดอินโดนีเซีย
ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตชาคุณภาพดี โดยเฉพาะชาจากภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมีรสชาติ กลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความหลากหลาย เช่น ชาอู่หลงและชาอัสสัม
จุดแข็งของชาของไทย
- คุณภาพ : ใบชาจากแหล่งปลูกคุณภาพดี
- รสชาติ : มีรสชาติ กลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์
- ความหลากหลาย : มีชาหลายชนิด หลายสายพันธุ์
- ราคา : สามารถแข่งขันได้
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการ ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย แต่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง สามารถใช้บริการโรงงานรับผลิตชา Bluemocha มีบริการ OEM&ODM ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างแบรนด์ชาของตัวเองได้ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน สิ่งสำคัญ คือการเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิต ได้รับ ใบอนุญาตส่งออก และมีความน่าเชื่อถือ เริ่มต้นธุรกิจส่งออกชาไปอินโดนีเซีย ด้วยการศึกษาตลาด เตรียมความพร้อม และเลือกพันธมิตรที่ดี เพื่อความสำเร็จในระยะยาว
2. เตรียมความพร้อมก่อนส่งออกชาไปอินโดนีเซีย
หลังจากที่เราได้ศึกษาตลาดชาอินโดนีเซียกันไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกชา ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่จะช่วยให้การส่งออกของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
กฎหมายและข้อบังคับ
- มาตรฐานสินค้า : อินโดนีเซียมีมาตรฐานสินค้าสำหรับชา เช่น มาตรฐาน SNI (Standar Nasional Indonesia) ซึ่งครอบคลุมเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และการติดฉลาก ผู้ส่งออกต้องศึกษา และปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ อย่างเคร่งครัด
- ใบอนุญาต : การส่งออกชาไปอินโดนีเซีย ต้องมี ใบอนุญาตส่งออก และใบอนุญาตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใบรับรองสุขอนามัย
- ภาษี : ผู้ส่งออกต้องศึกษา และชำระภาษีนำเข้า ตามที่กฎหมายอินโดนีเซียกำหนด
การหาข้อมูล
- ศึกษาข้อมูลการค้า : เช่น สถิติการนำเข้า ส่งออก แนวโน้ม โอกาส
- ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ : เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สถานทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา เพื่อขอคำปรึกษา และข้อมูล
- เข้าร่วมงานแสดงสินค้า : เพื่อ ศึกษา ตลาด และ หาลูกค้า
เอกสารที่จำเป็น
- ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) : ใช้ยืนยันว่าสินค้ามีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
- ใบรับรองสุขอนามัย (Phytosanitary Certificate) : รับรองว่าสินค้าปลอดจากศัตรูพืช
- ใบอนุญาตส่งออก : ออกโดยหน่วยงานภาครัฐของไทย
- ใบแจ้งหนี้ (Invoice) : แสดงรายละเอียด และมูลค่าสินค้า
- ใบตราส่ง (Bill of Lading) : เอกสารที่ใช้ในการขนส่งสินค้าทางเรือ
- เอกสารอื่น ๆ : เช่น ใบรายการบรรจุภัณฑ์ (Packing List) กรมธรรม์ประกันภัย (Insurance Policy)
การสร้างแบรนด์
- โลโก้ : ออกแบบโลโก้ที่ สื่อถึง ภาพลักษณ์ ของ แบรนด์
- บรรจุภัณฑ์ : เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ สวยงาม แข็งแรง เหมาะสมกับ การขนส่ง และ ดึงดูด ความสนใจ
- ชื่อแบรนด์ : เลือกชื่อที่ จดจำง่าย สื่อความหมาย และ เหมาะสมกับ ตลาดอินโดนีเซีย
ผู้ประกอบการ สามารถใช้บริการโรงงานรับผลิตชาส่งออก เพื่อลดต้นทุน และความเสี่ยงในการลงทุนสร้างโรงงานเอง สิ่งสำคัญ คือการเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิต ได้รับใบอนุญาตส่งออกมีความน่าเชื่อถือ และมีบริการ OEM&ODM ที่ตรงกับความต้องการการเตรียมความพร้อม อย่างรอบคอบเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในการส่งออกชาไปอินโดนีเซีย
3. ค้นหาโรงงานรับผลิตชาส่งออก
การส่งออกชาไปอินโดนีเซีย สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง การเลือกใช้บริการโรงงานรับผลิตชาส่งออก ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการลงทุน
คุณสมบัติของโรงงานที่ดี
- มาตรฐานการผลิต : โรงงานควรมีมาตรฐานการผลิต ที่ได้รับการรับรอง เช่น GMP HACCP ISO เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า
- ประสบการณ์ : เลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตชาและส่งออกชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งออกไปยังตลาดชาอินโดนีเซีย
- ความน่าเชื่อถือ : ตรวจสอบประวัติ และชื่อเสียงของโรงงาน รวมถึง รีวิวจากลูกค้า
- ใบอนุญาต : โรงงานต้องมีใบอนุญาต ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตส่งออก
บริการที่โรงงานควรมี
- OEM : โรงงานผลิตสินค้าตามสูตรและแบรนด์ของลูกค้า
- ODM : โรงงานออกแบบและผลิตสินค้า
- บริการอื่น ๆ : เช่น การพัฒนาสูตรชา, การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ การจัดหาวัตถุดิบ
การตรวจสอบโรงงาน
- เยี่ยมชมโรงงาน : เพื่อดูสถานที่, เครื่องจักร และกระบวนการผลิต
- ตรวจสอบใบอนุญาต : เพื่อให้มั่นใจว่าโรงงานดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
- สอบถามข้อมูล : เกี่ยวกับประสบการณ์, กำลังการผลิต, ราคา และเงื่อนไขต่าง ๆ
การเจรจาต่อรอง
- ราคา : ต่อรองราคาให้เหมาะสมกับงบประมาณ
- เงื่อนไขการชำระเงิน : ตกลงวิธีการและกำหนดเวลาชำระเงิน
- ระยะเวลาการผลิต : กำหนดระยะเวลาการผลิต และการส่งมอบให้ ชัดเจน
“การเลือกโรงงานรับผลิตชาส่งออกที่ดีมีมาตรฐาน และน่าเชื่อถือ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจส่งออกชาของคุณประสบความสำเร็จ”
4. ขั้นตอนการส่งออกชาไปอินโดนีเซีย
เมื่อคุณเตรียมความพร้อม และเลือกโรงงานรับผลิตชาส่งออกที่ตรงใจได้แล้ว ก็ถึงเวลาลงมือ”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”กันโดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. การติดต่อลูกค้า
- ช่องทางการหาลูกค้า :
- เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น งานTrade Expo Indonesia
- ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Alibaba Indotrading
- ติดต่อผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย
- ใช้บริการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
- การนำเสนอสินค้า :
- จัดทำ Company Profile และ Product Catalog ที่น่าสนใจ
- นำเสนอจุดเด่น และความแตกต่างของชา
- เสนอตัวอย่างสินค้า (Sample) ให้ลูกค้าทดลอง
- เจรจาเงื่อนไขราคาและการชำระเงิน
2. การทำสัญญา
- รายละเอียดข้อตกลง :
- ชนิด, ปริมาณ และราคาของชา
- มาตรฐาน และคุณภาพสินค้า
- เงื่อนไขการชำระเงิน
- ระยะเวลาการส่งมอบ
- การรับประกัน
- วิธีการแก้ไขข้อพิพาท
- บันทึกข้อตกลง :
- เป็นลายลักษณ์อักษรลงนามโดยทั้งสองฝ่าย
3. การบรรจุและขนส่ง
- บรรจุภัณฑ์ :
- เลือกบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรง ทนทาน เหมาะสมกับการขนส่งทางไกล
- บรรจุภัณฑ์ต้องป้องกันความเสียหายจากความชื้น, อุณหภูมิ และแรงกระแทก
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามดึงดูดใจ และสอดคล้องกับตลาดชาอินโดนีเซีย
- การเลือกวิธีขนส่ง :
- ทางเรือ : เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณมาก, ค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ใช้เวลานาน
- ทางอากาศ : เหมาะสำหรับการขนส่งปริมาณน้อย, รวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายสูง
- ทางบก : อาจใช้ร่วมกับการขนส่งทางเรือหรือทางอากาศ
4. การทำเอกสาร
- เอกสาร :
- เตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบแจ้งหนี้, ใบตราส่ง, ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า, ใบรับรองสุขอนามัย และใบอนุญาตส่งออก
- ขั้นตอน :
- ยื่นใบขนสินค้าขาออก
- ชำระค่าธรรมเนียมและภาษี
- ผ่านพิธีการตรวจปล่อยสินค้า
5. การชำระเงิน
- วิธีการ :
- Letter of Credit (L/C)
- Telegraphic Transfer (T/T)
- PayPal
- ตกลงเงื่อนไขการชำระเงินให้ชัดเจนกับลูกค้า
การส่งออกชาไปอินโดนีเซียมีหลายขั้นตอนผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
5. ปัญหาและอุปสรรคสำคัญในการส่งออกไปอินโดนีเซีย
มาตรการกีดกันทางการค้า :
- อินโดนีเซียมีมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตรการปกป้อง มาตรการห้ามนำเข้า, มาตรการใบอนุญาตนำเข้า และมาตรการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานอาหารและยาของอินโดนีเซีย สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ส่งออกรายใหม่ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับกฎระเบียบ
สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : ศึกษากฎระเบียบ และมาตรฐานต่าง ๆ อย่างละเอียด เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
การแข่งขัน :
- มีการแข่งขันสูงจากสินค้า, จากประเทศ และอื่น ๆ เช่น จีน, อินเดีย และเวียดนาม
- ผู้ส่งออกต้องสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า และบริการของตนเอง
สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : เน้นคุณภาพ และความเป็นเอกลักษณ์ชาของไทย สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
ระบบราชการและศุลกากร :
- ระบบราชการของอินโดนีเซียค่อนข้างซับซ้อน
- ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าอาจมีความล่าช้า และมีค่าใช้จ่ายสูง
สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : ศึกษาขั้นตอนการนำเข้าสินค้า และพิธีการศุลกากรอย่างละเอียด เลือกใช้ตัวแทนออกของ (Customs Broker) ที่มีประสบการณ์ และความน่าเชื่อถือ
ข้อมูลการค้าและการตลาด :
- ข้อมูลการค้า และการตลาดในอินโดนีเซียอาจหาได้ยากและล้าสมัย
- การเข้าถึงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผน และการตัดสินใจทางธุรกิจ
สิ่งที่ผู้ส่งออกควรทำ : สร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลออนไลน์
แม้จะมีอุปสรรค์ แต่อินโดนีเซียก็ยังเป็นตลาดที่มีโอกาสทางการค้าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการส่งออกชาจากประเทศไทยด้วยเหตุผล ตลาดขนาดใหญ่ อินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนมีประชากรกว่า 237.5 ล้านคน ซึ่งหมายถึงมผู้บริโภคจำนวนมากที่มีศักยภาพในการซื้อชา มีกำลังซื้อสูง ร้อยละ 15 ของประชากร อินโดนีเซียมีฐานะดี และมีกำลังซื้อสูงกลุ่มคนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อชาคุณภาพดีและมีราคาสูง เศรษฐกิจเติบโต เศรษฐกิจของอินโดนีเซียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินค้า และบริการเพิ่มขึ้นรวมถึงชาด้วย ความนิยมสินค้าไทย ชาวอินโดนีเซียมีความนิยมสินค้า และบริการจากประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับผู้ส่งออกชาของไทย สิทธิประโยชน์ทางภาษี การส่งออกชาไปอินโดนีเซียสามารถใช้ประโยชน์ จากการปลอดภาษีนำเข้าในกรอบข้อตกลงอาเซียน (CEPT/AFTA) ซึ่งช่วยลดต้นทุน ได้
“อินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง สำหรับการส่งออกชา ผู้ประกอบการที่สามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ”
บทความที่เกี่ยวข้อง”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”
- บริการผลิตชา ODM ของ Bluemocha ที่ใช่ของการเริ่มต้นทำแบรนด์ชา
- ชาอัสสัมผลไม้ โรงงานผลิตชาเชียงใหม่ พร้อมแจกสูตรชงชาผลไม้ !!
- ชาซีลอน (Ceylon Tea) คืออะไร โรงงานผลิตชาเชียงใหม่
สำหรับใครที่ต้องการใบชาและเมล็ดกาแฟ โรงงานผลิตชา Bluemocha เชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องชาจากประสบการณ์ 17 ปี สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ Bluemocha ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เสมอ ทำให้ขณะนี้ Bluemocha เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายใบชาคุณภาพมากกว่า 40 ชนิดด้วยกัน ให้ลูกค้าได้เลือกสรรกัน โรงงานผลิตชา Bluemocha เชียงใหม่ ผ่านมาตรฐาน GMP ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของคุณภาพรสชาติ และกลิ่น รวมถึงการรักษาความสะอาดในกระบวนการบรรจุ ทุกขั้นตอนผลิตด้วยหลักมาตรฐานสากล ด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน
โรงงานผลิตชา Bluemocha มีบริการ ผลิตชา OEM&ODM ที่มีมาตรฐานรับรอง มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา จัดหาวัตถุดิบ ดูแลในส่วนของกระบวนการผลิต การบรรจุ ตลอดจนไปถึงการหาบริการขนส่งที่เหมาะสม เพื่อให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี สามารถผลิตชาได้หลากหลายชนิด ทั้งยังมีบริการรับพัฒนาสูตรชา และแกะสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า
หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป เรามีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ ด้วยบริการที่ครบวงจร
พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษากับลูกค้าตลอดการสั่งซื้อ เราขนส่งสินค้าได้สะดวก รวดเร็ว ทั้งขนส่งทางเรือ และเครื่องบิน เพื่อให้ได้สินค้าที่ปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี หากสนใจสั่งซื้อ เรามีโปรโมชั่นจัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อสั่งซื้อ 5,000 Kg. ขึ้นไป และฟรีค่ายื่นจดอย. เมื่อสั่งซื้อ 100 Kg. ขึ้นไป Bluemocha พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน
“Bluemocha คือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
คำถามที่พบบ่อย”ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย”
- ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย ต้องมีใบอนุญาตอะไรบ้าง ?
ตอบ : ต้องมีใบอนุญาตส่งออก ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใบรับรองสุขอนามัยพืช และอาจต้องมีใบอนุญาตอื่นๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของชา และข้อกำหนดของอินโดนีเซีย - ชาชนิดไหนที่ได้รับความนิยมในอินโดนีเซีย ?
ตอบ : ชาเขียว เป็นชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รองลงมาคือชาดำ ชาสมุนไพร และชาผลไม้ - หาลูกค้า ในอินโดนีเซียได้จากที่ไหน ?
ตอบ : เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ติดต่อผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่าย ใช้บริการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ - ขั้นตอนการส่งออกชา มีอะไรบ้าง ?
ตอบ : ศึกษาตลาด เตรียมเอกสาร หาลูกค้า ทำสัญญา บรรจุ ขนส่ง ผ่านพิธีการศุลกากร และรับชำระเงิน - โรงงานรับผลิตชาส่งออก มีบริการอะไรบ้าง ?
ตอบ : OEM&ODM - เลือกโรงงานรับผลิตชาส่งออกอย่างไร ?
ตอบ : พิจารณา มาตรฐานการผลิต ประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ ใบอนุญาต และบริการ - ส่งออกชาไปอินโดนีเซีย มีภาษีนำเข้าเท่าไหร่ ?
ตอบ : สามารถ ใช้ สิทธิประโยชน์ จาก ข้อตกลง อาเซียน (AFTA) ทำให้ ไม่ต้องเสียภาษี นำเข้า - มีเคล็ดลับอะไรบ้าง สำหรับมือใหม่ที่อยากส่งออกชา ?
ตอบ : สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ควบคุมคุณภาพ ทำการตลาด ให้บริการหลังการขาย และปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์
WRITTEN BY
Keeratiyanut C.
ชีวิตจิตใจมอบให้แด่ชาและการบริการ แถมเป็นทาสแมวที่หลงรักแมวทุกตัวบนโลกใบนี้ จินตนาการสูงส่ง และชอบทุกความท้าทายพร้อมเผชิญกับปัญหาทุกสถานการณ์