วิธีเก็บไข่มุก อุ่นไข่มุก หลังแช่เย็นไว้ค้างคืนให้เหนียวนุ่มไม่แข็ง
วิธีเก็บไข่มุก วิธีอุ่นไข่มุก หลังแช่ตู้เย็นไว้ค้างคืนให้กลับมาเหนียวนุ่ม ไม่แข็ง บอกเลยว่าเป็นวิธีที่เจ้าของร้านขายชาไข่มุก เจ้าของร้านขายเครื่องดื่มที่มีไข่มุกเป็นท็อปปิ้งควรต้องศึกษาไว้ โดยเฉพาะร้านที่ต้มไข่มุกไว้เยอะจนใช้ไข่มุกไม่หมด และจะต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ใครที่มีปัญหาหรือกังวลกับวิธีจัดการ บอกเลยว่าวันนี้ทาง bluemocha เราจะมาช่วยไขข้อข้องใจให้เอง
สารบัญ
โดยทั่วไปแล้วร้านชาไข่มุก ร้านเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะนิยมใช้ไข่มุกสำเร็จรูปพร้อมต้ม ซึ่งก็มีหลากหลายยี่ห้อให้ได้เลือกใช้ รวมถึงราคาที่ต่างกันออกไป แต่ก็อาจจะมีหลายคนที่เลือกทำไข่มุกด้วยตนเองซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีทำไข่มุกมาฝากด้วยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะซื้อแบบสำเร็จรูปหรือทำไข่มุกเอง หากไข่มุกเหลือใช้ส่วนใหญ่ก็จะนำเข้าตู้เย็น ซึ่งการทำเข้าตู้เย็นจะทำให้ไข่มุกที่เหลือแข็ง และที่ติดกันเป็นก้อน หากอยากนำกลับมาใช้ใหม่ แต่นำมาต้มแบบไม่ถูกวิธีก็จะทำให้ได้ไข่มุกผิวนอกที่เละและข้างในไข่มุกยังแข็งเป็นไตได้นั่นเอง พร้อมแล้วลองมาดูวิธีการเก็บ และวิธีการต้มไข่มุกให้เหนียวนุ่มกันเลย
วิธีเก็บไข่มุก ที่เหลือแช่ตู้เย็นยังไงดี ?
- ใช้ฟอยด์พลาสติกคลุมไข่มุก
- ใส่ในกล่องอาหารที่มีฝาปิดสนิท
วิธีอุ่นไข่มุก ที่แช่เย็นให้เหนียวนุ่มได้ง่าย ๆ
ส่วนผสม
- ไข่มุกที่แช่เก็บไว้
- น้ำตาลทรายแดง
- น้ำร้อน
ขั้นตอนการทำ
- นำไข่มุกออกจากตู้เย็น
- เทน้ำใส่หม้อแล้วตั้งเตา ต้มจนได้น้ำเดือดจัด ๆ
- เสร็จแล้วให้เทไข่มุกลงในหม้อ ค่อย ๆ คนไข่มุกหลุดออกจากกัน
- เมื่อไข่มุกหลุดออกจากกันแล้ว ให้ยกลงจากเตา
- แล้วนำไปล้างผ่านน้ำเย็นอีกรอบ
- แล้วให้นำไข่มุกที่ได้ไปคลุกกับน้ำตาลทรายที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ไข่มุกนุ่ม ๆ แล้ว
สำหรับวิธีการอุ่นไข่มุกนั้นบอกเลยว่าแนะนำให้ทำเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ควรนำไข่มุกเก่าที่เหลือมาต้มใหม่ 2-3 ครั้ง เพราะจะทำให้ได้ไข่มุกที่ไม่หอมอร่อย ไม่มีความเหนียวนุ่มและจะได้ไข่มุกที่เละ ทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจได้ แนะนำให้ต้มไข่มุกพอต่อการใช้ 1 วัน หากร้านไหนลูกค้าเยอะก็ต้มเยอะ หากร้านที่ลูกค้าเข้าร้านน้อยหรือไม่นิยมสั่งไข่มุก ก็ควรต้มทีละน้อย ๆ เพราะการต้มไข่มุกแบบวันต่อวัน จะทำให้ได้ไข่มุกที่เหนียวนุ่มอร่อย แถมยังเอาใจลูกค้าได้ดีสุด ๆ ส่วนใครที่อยากจะลองทำไข่มุกเอง วันนี้เราก็มีวิธีการทำมาฝากกัน ลองทำตามกันได้เลย

วิธีทำไข่มุกเอง
ส่วนผสม
- แป้งมันสำปะหลัง 240 กรัม หรือ 1 ถ้วยตวง
- น้ำร้อน 60 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทรายแดง 180 กรัม (แบ่งใช่ 2 ส่วน)
- น้ำเปล่าสำหรับต้มไข้มุก
ขั้นตอนการทำ
- นำน้ำตาลทราย 120 กรัม มาละลายในน้ำร้อนในภาชนะทนความร้อนคนจนน้ำตาลละลาย แล้วให้เติมแป้งมันลงไปเพียง 120 กรัม แล้วคนต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
- จากนั้นให้ตั้งหม้อ ต้มน้ำให้เดือดแล้วนำภาชนะในขั้นตอนแรกมาตั้งบนหม้อน้ำร้อน แล้วค่อย ๆ คนจนแป้งเหนียวหนืด เมื่อได้ที่แล้วให้ยกลงจากเตา
- จากนั้นให้เติมแป้งมันส่วนเหลือลงไป แล้วค่อย ๆ นวดแป้งจนจับตัวเป็นก้อน หากแป้งแห้งเกินให้ค่อย ๆ เติมน้ำร้อนทีละน้อย ๆ
- เมื่อนวดจนได้ที่แล้ว ให้แบ่งแป้งคลึงเป็นเส้นยาว ๆ แล้วให้ใช้มีดตัดเป็นก้อนลูกเต๋าเล็ก ๆ
- จากนั้นให้ปั้นเป็นลูกกลม ๆ จนเนื้อแป้งหมด
- ขั้นตอนต่อไป ให้ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด แล้วค่อย ๆ ใส่แป้งที่ปั้นลงไป แล้วคนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้มุกติดก้นหม้อ
- คนไปเรื่อย ๆ จนไข่มุกลอยขึ้นตัวมา แล้วให้เบาไฟลง ปิดฝาแล้วต้มต่ออกี 30 นาที
- เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้วให้ปิดเตา แต่ให้พักไข่มุกต่อไปอีก 20 นาที
- เมื่อครบเวลาแล้ว ให้ตักไข่มุกมาล้างในน้ำเย็น แล้วล้างเมือกออกให้หมด แล้วพักไว้
- หลังจากนั้นให้เทใส่ในภาชนะ แล้วเติมน้ำตาลทรายแดงที่เหลือ แล้วคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็ได้ไข่มุกฉบับทำเองแล้ว
น้ำเชื่อมสำหรับใส่ไข่มุก ทำเองง่าย ๆ
ส่วนผสม
- น้ำเปล่า 80 มิลลิลิตร
- น้ำตาลอ้อยแดง 35 กรัม
ขั้นตอนการทำ
- เทน้ำเปล่า น้ำตาลอ้อยแดงลงในหม้อ แล้วนำไปตั้งเตาเปิดไฟกลาง
- คนให้น้ำตาลละลายจนหมดแล้วปิดไฟ
- เทไข่มุกที่ทำไว้ลงในหม้อคนให้เข้ากัน เท่านี้ก็ได้ไข่มุกพร้อมตกแต่งเครื่องดื่มแล้ว
เมื่อได้ไข่มุกเหนียวนุ่มที่ต้องการกันแล้ว ก็สามารถนำไปเป็นท็อปปิ้งเครื่องดื่มได้เลย และไข่มุกเป็นท็อปปิ้งที่ลงตัวกับหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเมนูนม เมนูปั่น หรือแม้แต่นำไปท็อปปิ้งบนปังเย็นก็ได้เช่นกัน ชวนให้แต่ละเมนูน่าลิ้มลอง และช่วยเพิ่มมูลค่าได้อีกด้วย
ไข่มุกสามารถเก็บค้างคืนได้ไหม เก็บไข่มุกยังไงดี
ไข่มุกชานมเหลือ…จะทิ้งก็เสียดาย! เก็บไว้ทานต่อได้ไหมนะ? Bluemocha เรามีคำตอบและเคล็ดลับการเก็บไข่มุกให้ยังคงความหนึบหนับ ไม่เสียรสชาติมาฝาก

1. ไข่มุกที่ต้มแล้ว เก็บค้างคืนได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้! แต่มีข้อแม้เรื่องของ “คุณภาพ” และ “รสสัมผัส” ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยช่วงเวลาที่อร่อยที่สุดคือไข่มุกที่ต้มเสร็จ และแช่น้ำเชื่อมไว้ จะอร่อยที่สุดเมื่อรับประทานภายใน 4-6 ชั่วโมง หลังต้มเสร็จ
2. วิธีเก็บไข่มุกที่ต้มแล้ว ให้ได้นานที่สุด (และยังคงความอร่อย)
ขั้นตอนที่ 1 : แช่ในน้ำเชื่อมให้ท่วม
- วิธีทำ หลังจากต้มและล้างไข่มุกเสร็จแล้ว ให้นำไข่มุกไปแช่ในน้ำเชื่อม (อาจเป็นน้ำเชื่อมธรรมดา หรือน้ำเชื่อมที่เหลือจากการแช่ไข่มุก) ให้ท่วมไข่มุก
- เพื่ออะไร? น้ำเชื่อมจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นและรสหวานของไข่มุก ป้องกันไม่ให้ไข่มุกแห้งแข็งหรือเสียเร็ว
ขั้นตอนที่ 2 : บรรจุในภาชนะปิดสนิท
- วิธีทำ ตักไข่มุกพร้อมน้ำเชื่อมใส่ในภาชนะที่สะอาดและมีฝาปิดสนิท
- เพื่ออะไร? เพื่อป้องกันอากาศเข้า ซึ่งจะทำให้ไข่มุกแห้ง แข็งตัวเร็วขึ้น และนอกจากนั้นยังป้องกันการปนเปื้อนอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 3 : เก็บในตู้เย็น (ช่องธรรมดา)
- วิธีทำ นำภาชนะที่บรรจุไข่มุกไปเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา (ไม่ควรเก็บในช่องแช่แข็ง)
- เพื่ออะไร? อุณหภูมิที่เย็นจะช่วยชะลอการเติบโตของจุลินทรีย์ และยืดอายุการเก็บ
3. เก็บได้นานแค่ไหน
ไข่มุกที่เก็บด้วยวิธีนี้จะสามารถเก็บได้ประมาณ 1-2 วัน (ไม่ควรเกิน 2 วัน) ในตู้เย็น
ข้อควรสังเกต
- วันที่ 1 ไข่มุกจะยังคงความนุ่มหนึบได้ดีที่สุด อาจจะแข็งขึ้นเล็กน้อย
- วันที่ 2 ไข่มุกจะเริ่มแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความหนึบหนับลดลง แต่ยังพอทานได้
- วันที่ 3 เป็นต้นไป ไข่มุกจะเริ่มแข็งมาก ไม่น่ารับประทาน และอาจเริ่มมีกลิ่นเปลี่ยนไป ไม่ควรทาน
4. เคล็ดลับก่อนนำกลับมาใช้ (หากไข่มุกแข็งไป)
- ต้มซ้ำ (แบบเร็ว) หากไข่มุกที่แช่เย็นไว้แข็งตัวไปบ้าง สามารถนำไปต้มในน้ำเดือดจัดอีกครั้งประมาณ 30 วินาที – 1 นาที เพื่อให้ไข่มุกนุ่มขึ้น จากนั้นนำไปแช่น้ำเชื่อมต่อ
- อุ่นไมโครเวฟ (ระวัง!): สามารถนำไข่มุกพร้อมน้ำเชื่อมใสภาชนะเข้าไมโครเวฟอุ่นได้ (ใช้ไฟต่ำ-กลาง เวลาสั้นๆ) แต่ต้องระวังไม่ให้อุ่นนานเกินไป เพราะไข่มุกจะเละได้
สรุป ไข่มุกที่ต้มแล้ว เก็บได้ประมาณ 1-2 วันในตู้เย็น แต่ควรทานให้หมดภายในวันแรกเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ไข่มุกเหมาะกับเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย ดังนั้นสำหรับร้านไหนที่อยากจะเอาใจลูกค้า มีเมนูเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้เลือกกันแบบจุใจ หรือร้านกาแฟที่อยากดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้าน ก็ควรเพิ่มเมนูชาในร้านเพื่อเอาใจคนไม่ดื่มกาแฟ สำหรับใครที่อยากจะได้เครื่องดื่มสุดอร่อย หอมเข้มข้น ก็แนะนำให้เลือกใช้ใบชาที่ดีผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพ ให้กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น ชงแล้วไม่มีรสฝาด ไม่มีความขม อย่างใบชาของโรงคั่วชา bluemocha แถมยังมีให้เลือกใช้มากถึง 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียวพรีเมียม ชาแดงเชียงใหม่ ชาพีช ผงโกโก้ ชาไต้หวันพรีเมียม เป็นต้น
นอกจากนี้ทาง bluemocha เรายังมีสูตรชงเครื่องดื่มให้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นเมนูชาไต้หวันสุดอร่อย เมนูโกโก้เข้มข้น เมนูชาไข่มุกแก้ว 10 ออนซ์ หรือเครื่องดื่มโบราณ เป็นต้น ตลอดจนไปถึงเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับร้านชาไข่มุก ร้านกาแฟ ก็มีมาแบ่งปันเช่นกัน เช่น การเข้าร่วมบริการ Food Delivery การเปิดร้านชาไข่มุกบุฟเฟต์ การชงชา 4 ลิตร การทำน้ำเชื่อมเอง หรืออยากดูบทความอื่น ๆ ก็คลิกดูได้เลย
สินค้าอื่น ๆ












