ร้านกาแฟ Slow Bar ลงทุนแค่หลักพันก็เปิดร้านกาแฟได้
ร้านกาแฟ Slow Bar หรือ slow bar coffee ทางเลือกใหม่สำหรับใครที่อยากจะเปิดร้านกาแฟแล้วมีเงินลงทุนน้อย หรือใครที่อยากจะลองเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ หน้าบ้าน
และนับว่าเป็นร้านกาแฟที่มีกระแสมาแรงพอสมควร เพราะใช้งบไม่เยอะก็เปิดร้านขายกาแฟได้แล้ว
นอกจากร้านชานมไข่มุก ร้านกาแฟ หรือคาเฟ่ใหญ่ ๆ แล้ว ในปัจจุบันนี้ก็มีการเปิดร้านกาแฟ แบบสโลว์บาร์เพิ่มเข้ามา ที่มีจุดเด่นไม่แพ้กับร้านประเภทอื่น ๆ แถมไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เยอะแยะมากมาย อย่างเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า ช่วยลดต้นทุนได้เยอะ แต่ก็เปิดร้านขายกาแฟมีกำไรได้เช่นกัน แล้วร้านกาแฟสโลว์บาร์ จริง ๆ แล้วเป็นยังไง ต้องลงทุนแบบไหน มีอุปกรณ์อะไรบ้าง วันนี้ bluemocha เรามีคำตอบมาแบ่งปันกัน
ร้านกาแฟ Slow Bar คือ
เป็นร้านกาแฟที่เน้นการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการอาศัยแรงของคนชงเป็นหลัก รูปแบบในการสกัดกาแฟจึงนิยมทำได้หลากหลายแบบ ทั้ง การสกัดกาแฟแบบดริป (Drip Coffee), แอโรเพรส (Aeropress), เฟรนช์เพรส (French Press), ไซฟอน (Syphon) และชงแบบหม้อต้มโมก้าพอท (Moka pot) จึงมักจะเรียกรูปแบบการชงเหล่านี้ว่า “Hand Brewing” และจะไม่เลือกใช้เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ (Espresso Machine) เนื่องจากเป็นการชงกาแฟด้วยการใช้ฝีมือ ต้องใช้เวลาในการทำอย่างพิถีพิถัน กาแฟแต่ละแก้วจึงต้องใช้เวลา 10-20 นาทีเลยทีเดียว บางคนจึงเรียกร้านกาแฟแบบ Slow Bar นี้ว่า “Craft Coffee” นั่นเอง
ส่วนร้านกาแฟที่เลือกใช้เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซนั้น จะเรียกว่า ร้านกาแฟ Speed bar เพราะอาศัยความเร็วในการชงกาแฟ สามารถสกัดช็อตกาแฟในเวลา 25-30 วินาที และนำมาชงเป็นเมนูกาแฟยอดฮิต อย่าง มอคค่า, ลาเต้, คาปูชิโน่ ต่อได้เลย ไม่ต้องใช้เวลานาน อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่อยากจะชงกาแฟแบบรวดเร็ว และในการเปิดร้านแบบ Speed Bar นี้จะต้องใช้เงินลงทุนที่มากกว่าการเปิดแบบ Slow Bar
ร้านกาแฟสโลว์บาร์ ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง
1. อุปกรณ์สำหรับชง
สำหรับตัวอุปกรณ์นี้ขึ้นอยู่กับว่าทางร้านต้องการใช้วิธีการสกัดช็อตกาแฟด้วยรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น เช่นถ้าทางร้านเลือกใช้วิธีการดริปกาแฟ ก็จะต้องมีชุดดริป เตรียมดริปเปอร์ กระดาษรอง แต่หากใช้หม้อต้มโมก้าพอท ก็ต้องมีตัวชุดโมก้าพอท มีเตาไฟฟ้า หรือเตาแก๊ส หรือแม้แต่การเลือกใช้วิธีการชงแบบแอโรเพรส, ไซฟอน หรือแม้แต่การชงแบบเฟรนช์เพรส ก็จะต้องมีอุปกรณ์นั้น ๆ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของแต่ละร้านนั่นเอง ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอุปกรณ์ สามารถเลือกซื้อเลือกใช้ให้ตรงตามความต้องการ ตรงตามความถนัด
และในงบประมาณที่พอเหมาะ
2. เครื่องบดกาแฟมือหมุน
เครื่องบดเมล็ดกาแฟ คือไอเทมที่สำคัญไม่แพ้อุปกรณ์อื่น ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมีหน้าที่ในการบดเมล็ดกาแฟก่อนนำมาสกัดช็อตกาแฟ และเครื่องบดกาแฟที่เหมาะกับร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ที่สุดก็คือ เครื่องบดกาแฟมือหมุน ทั้งหาซื้อง่าย ราคาถูก และมีหลากยี่ห้อ หลายราคาให้ได้เลือกใช้กัน ซึ่งจะอาศัยมือหมุนในการบด ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าขณะทำงาน และสามารถเลือกระดับความละเอียดของผงกาแฟได้ด้วย ความแรงในการหมุน คลิกดู วิธีเลือกซื้อเครื่องบดเมล็ดกาแฟมือหมุน
3. เครื่องชั่งดิจิตอล
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับร้านสโลว์บาร์ก็คือ เครื่องชั่งดิจิตอล เพราะการชงกาแฟในรูปแบบสโลว์บาร์นี้ จะต้องอาศัยการชั่งตวง ต้องใช้อัตราส่วนคงที่ เพื่อให้ได้กาแฟที่รสชาติดี มีความสมบรูณ์มากที่สุด ซึ่งเครื่งชั่งดิจิตอลนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการชงได้ดีมาก ๆ เพราะจะแสดงค่าที่แม่นยำ สามารถตัดค่าภาชนะออกได้ และกดรีเซ็ตเพื่อชั่งใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังมีความคลาดเคลื่อนที่น้อย ทำความสะอาดก็ง่าย ทั้งยังมีหลายแบบ ราคาและประสิทธิภาพก็จะต่างกันออกไป คลิกดู วิธีการเลือกซื้อเครื่องชั่งดิจิตอล
4. กาต้มน้ำไฟฟ้า
น้ำร้อนคือส่วนผสมที่สำคัญในการสกัดช็อตกาแฟ ในแต่ละรูปแบบของการชงกาแฟสโลว์บาร์ ดังนั้น กาต้มน้ำไฟฟ้า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการชงเครื่องดื่ม ทั้งยังให้ความร้อนไว หาซื้อได้ง่าย และมีหลายขนาด หลายยี่ห้อ รวมไปถึงฟังก์ชั่นในการทำงาน ราคาที่ต่างกันออกไป คลิกดู กาต้มน้ำไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี
5. ใบชา เมล็ดกาแฟ
แน่นอนอยู่แล้วว่าการเปิดร้านกาแฟ วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดก็คือ เมล็ดกาแฟคั่ว และใบชาสำหรับชงเมนูชาต่าง ๆ เพราะจะเป็นตัวหลักในการชูรสชาติความอร่อย และกลิ่นหอมของทุกเมนูเครื่องดื่ม ดังนั้นจึงควรเลือกใช้วัตถุดิบสำหรับร้านกาแฟที่มีคุณภาพ เช่น เมล็ดกาแฟ หรือกาแฟสด ก็ควรใช้เมล็ดกาแฟที่คั่วใหม่ ไม่บดทิ้งไว้ ไม่มีกลิ่นไหม้ ส่วนใบชาก็ควรใช้ใบชาที่มีกลิ่นหอม ชงแล้วยังคงให้ความเข้มข้นของชา ชงกับนมแล้วไม่ดรอปทั้งกลิ่น และสีเครื่องดื่ม
โดยใบชาที่แนะนำสำหรับร้านสโลว์บาร์นี้ ควรจะเลือกใช้ใบชาที่ชงแบบแช่ได้ เช่น ผงชาเขียว ผงชาไทย ผงชาไต้หวัน เพื่อเป็นเมนูตัวเลือกใหม่ ๆ ในร้าน หรือจะใช้ชาสด ที่ชงได้ทั้งกับผลไม้สด ไซรัปรสชาติต่าง ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มเมนูใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
จาก 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นนี้ถือว่าเป็นวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่สำคัญ ที่ทุกร้านสโลว์บาร์ต้องมี ในการนำมาเปิดร้านขาย แต่ทั้งนี้การจะชงเครื่องดื่มให้อร่อยนั้น ก็ต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นระดับการคั่วกาแฟ ระดับการบดเมล็ดกาแฟ เวลาในการแช่สกัด น้ำหนักมือในการเทน้ำร้อน รวมไปถึงวิธีการจัดเก็บที่ถูกต้อง เพื่อคงคุณภาพที่ดีของเมล็ดกาแฟและใบชาได้ให้นานที่สุด
เพิ่มเติม
การเปิดร้านแบบ slow bar จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับใครที่อยากจะมีร้านกาแฟ แถมไม่ต้องลงทุนเยอะ แค่มีงบหลักพันก็ทำได้แล้วแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของแต่ละอุปกรณ์ด้วย ซึ่งจะมีราคาต่างกัน และการเปิดร้านกาแฟสโลว์บาร์ จะมีข้อจำกัดอยู่ที่ต้องพิถีพิถันในการชงกาแฟให้ลูกค้าแต่ละแก้ว จะมีบรรยากาศชิว ๆ ไม่เร่งรีบ เหมาะกับการให้ลูกค้านั่งดื่มที่ร้าน ซึ่งจะต่างจากการเปิดร้านแบบ speed bar ที่สามารถชงกาแฟให้กับลูกค้าได้เร็วกว่า และลูกค้าสามารถสั่งดื่มในร้านหรือสั่งผ่านบริการ Food Delivery ได้เลย หรือในปัจจุบันนี้เองบางร้านก็จะนำรูปแบบการเปิดร้านกาแฟทั้ง 2 มารวมกัน เพื่อเอาใจทั้งกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มนั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะเปิดร้านกาแฟในรูปแบบไหน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านอย่างต่อเนื่องจุดขายที่ดีที่สุดก็คือการมีเมนูเครื่องดื่มที่อร่อย มีเมนูหลากหลายเพื่อเป็นตัวเลือก ซึ่งควรเริ่มต้นจากการเลือกใช้วัตถุดิบสำหรับร้านกาแฟที่มีคุณภาพ ใบชา เมล็ดกาแฟของโรงผลิตชาที่ได้รับมาตรฐาน ชานกฮูก ที่รับผลิตแฟรนไชส์ชาไข่มุก รับผลิตชา OEM และมีสินค้าใบชาให้เลือกมากกว่า 40 รายการ จะซื้อชาราคาปลีก จะซื้อชาราคาส่ง ก็สอบถามเข้ามาได้เลย
นอกจากเลือกใช้ใบชาที่คุณภาพดีแล้ว ทางเราเองก็ยังมีสูตรชงน้ำขายมาแจกฟรีมากมาย ทั้งเมนูกาแฟยอดฮิต เมนูสีสัน สูตรชาไทย สูตรชาเขียว เมนูนมเย็น หรือชาทูโทนสีสวย อย่าง กาแฟนมชมพู ชาไทยมินต์ กาแฟมัทฉะ ชาอัญชันกีวี่โซดา เป็นต้น หรือจะอยากได้เทคนิคร้านกาแฟ วิธีเพิ่มยอดขายให้ปัง ตัวอย่างการสร้างโปรโมชั่นร้านกาแฟ
การชงชาแบบลิตร และเคล็ดลับร้านกาแฟอีกมากมาย
สินค้าอื่น ๆ