ดริปกาแฟ กับ โมก้าพอท ต่างกันยังไง ?
ดริปกาแฟ (Drip Coffee) กับ โมก้าพอท (Moka pot) วิธีการชงกาแฟที่แตกต่าง แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังคงคิดว่าคือวิธีการชงเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วคือคนละวิธี
ซึ่งจะมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร วันนี้ทาง bluemocha เราจะมาไขคำตอบให้เอง
ยิ่งในปัจจุบันนี้การเปิดร้านขายกาแฟเล็ก ๆ นั้นทำได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านคาเฟ่พร้อมบริการที่นั่ง เพียงแค่มีอุปกรณ์ในการชงเครื่องดื่ม อย่างมีวัตถุดิบสำหรับร้านกาแฟที่ดี มีใจรักในการทำกาแฟ เท่านี้ก็สามารถเปิดร้านขายกาแฟได้แล้ว ซึ่งอุปกรณ์สกัดกาแฟที่นิยมถูกนำมาเลือกใช้ในการเปิดร้านแบบง่าย ๆ ก็จะเป็นถุงกรอง หม้อต้มโมก้าพอท หรือกระดาษกรองผงกาแฟที่ใช้สำหรับการดริป เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพง หาซื้อได้ทั่วไป แถมนำมาชงขายได้ง่าย ๆ นั่นเอง
ดริปกาแฟ (Drip Coffee) VS โมก้าพอท (Moka pot)
ดริปกาแฟ คือ
นับว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันนี้ เพราะเป็นการชงกาแฟที่บาริสต้า หรือคนชง สามารถควบคุมรสชาติกาแฟได้ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟ และควรใช้ระดับการบดอยู่ที่ระดับการบดปานกลาง เพราะถ้าใช้ผงกาแฟที่ละเอียดมาก น้ำจะซึมผ่านกาแฟได้ช้า ส่วนอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 92-94 องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือสามารถกำหนดน้ำหนักมือของการเทน้ำ อัตราการไหลช้าเร็วของน้ำเมื่อผ่านตัวผงกาแฟ รวมไปถึงระยะเวลาในการที่น้ำไหลผ่านตัวผงกาแฟ ซึ่งจะมีต้องใช้ดริปเปอร์ และกระดาษกรอง เป็นอุปกรณ์หลักในการกรองผงกาแฟ ที่วางด้านบนภาชนะสำหรับรองน้ำกาแฟที่สกัดได้ โดยจะใช้เวลาในการชงประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน
สำหรับการชงนั้นก็เริ่มจากการนำผงกาแฟที่บดได้ในระดับที่เหมาะสม มาใส่ในดริปเปอร์ที่มีกระดาษกรองรองอยู่ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกรองกากกาแฟ จากนั้นจึงค่อย ๆ เทน้ำวนจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอยจนทั่วผงกาแฟ แล้วทำการพักตามเวลาเพื่อให้น้ำไหลซึมผ่านตัวผงกาแฟ ซึ่งจะทำการเทน้ำ 4-5 รอบ แล้วรอจนน้ำกาแฟหยดลงจนหมด เท่านี้ก็ได้แล้ว
การชงกาแฟแบบดริป
- นำอุปกรณ์ในการดริปกาแฟ มาเตรียมให้พร้อม
- เตรียมผงกาแฟและน้ำร้อน ในอัตราส่วน 1:17 เช่น ใช้ผงกาแฟ 20 กรัม จะต้องใช้น้ำ 340 มิลลิลิตร
- น้ำร้อนควรต้มให้เดือดในอุณหภูมิ 92-94 องศาเซลเซียส
- ตักผงกาแฟที่บดแล้วใส่ลงในดริปเปอร์ที่มีกระดาษกรอง
- ก่อนเทน้ำร้อน ให้ตั้งค่าเครื่องชั่งน้ำหนักเป็น 0 เพื่อทำการชั่งระหว่างการเทน้ำ
- เริ่มเทน้ำร้อนครั้งแรกลงไป เทน้ำให้ได้อยู่ที่ 60 กรัม แล้วพักไว้ 40 วินาที เพื่อให้ผงกาแฟดูดซับน้ำ (โดยเริ่มเทจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอย)
- เทน้ำครั้งที่ 2 เพิ่มลงไปอีก 60 กรัม และพักไว้ 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 120 กรัม)
- เทน้ำครั้งที่ 3 เพิ่มลงไปอีก 60 กรัม แล้วพักไว้ 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 180 กรัม)
- เทน้ำครั้งที่ 4 เพิ่มลงไปอีก 80 กรัม แล้วพักไว้ 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 260 กรัม)
- เทน้ำครั้งสุดท้าย เพิ่มลงไปอีก 80 กรัม แล้วพักรอบสุดท้าย 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 340 กรัม)
- แล้วรอน้ำกาแฟหยดจนใกล้จะหมด ให้ยกดริปเปอร์ออก แล้วทำการคนกาแฟก่อนเสิร์ฟ
เพิ่มเติม : ควรเทน้ำจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอย ให้ทั่วผงกาแฟทุกรอบ และคอยควบคุมความเร็วในการเทน้ำที่พอเหมาะ เพื่อเป็นการรักษารสชาติและคุณภาพของกาแฟให้ออกมาดีมากที่สุด
โมก้าพอท คือ
อุปกรณ์ชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ในร้าน ทั้งยังมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ หลายราคาที่จะต่างกันออกไปตามประสิทธิภาพการทำงาน โดยหม้อต้มกาแฟโมก้าพอทนี้สามารถใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า รวมถึงบางรุ่นยังใช้ได้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า นอกจากจะชงกาแฟแล้ว ยังนำไปชงกับผงชาบดหยาบต่าง ๆ ได้ แต่การชงแบบโมก้าพอทนี้ คนชงจะสามารถควบคุมได้เพียงการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว แต่ระดับการบดที่ควรใช้คือการบดละเอียดให้มีลักษณะเหมือนเกลือ ไม่ควรละเอียดมากเกินไปจะทำให้ได้กาแฟรสขม แต่สำหรับอุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาในการสกัดนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตัวเครื่องนั้น ๆ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้เหมือนกับการดริปกาแฟ
สำหรับการชงกาแฟประเภทนี้ไม่ควรที่จะบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดหรือหยาบจนเกินไป รวมไปถึงไม่ควรกดผงกาแฟอัดแน่นจนเกินไป และควรเกลี่ยให้เรียบเท่ากัน ในการต้มทุกครั้งควรใช้ไฟในระดับปานกลาง เพราะการใช้ไฟแรงอาจจะทำให้ไม่ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะและเสี่ยงให้เกิดกลิ่นไหม้ของกาแฟ หรือหากใช้ไฟอ่อนจนเกินไป ก็จะทำให้่ความร้อนไม่ถึง ก็จะได้รสชาติกาแฟที่ไม่เข้มข้น โดยจะเป็นการสกัดกาแฟที่จะต้องทำให้น้ำที่อยู่ตรงส่วนหม้อด้านล่างเดือด แล้วอาศัยแรงดัน ดันน้ำขึ้นมาผ่านผงกาแฟ จนออกมาเป็นน้ำกาแฟที่อยู่หม้อด้านบน
การชงกาแฟแบบโมก้าพอท
- นำอุปกรณ์ต่าง ๆ ของหม้อต้มโมก้าพอทมาเตรียมไว้ให้พร้อม
- เตรียมผงกาแฟ 1.5 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร (สำหรับหม้อ 3 cup)
- ตักผงกาแฟใส่ชั้นกรอง เกลี่ยกาแฟให้เรียบเท่ากัน
- นำชั้นกรองไปใส่ในหม้อส่วนล่าง
- นำหม้อส่วนบนมาประกอบ แล้วหมุนปิดให้แน่นสนิท
- นำไปตั้งเตาไฟฟ้า (หากใช้เตาแก๊สควรใช้ไฟระดับกลาง)
- รอจนน้ำเดือด แล้วให้เกิดแรงดันจนดันน้ำผ่านผงกาแฟขึ้นมาในหม้อส่วนบน เท่านี้ก็ได้น้ำกาแฟแล้ว (เมื่อน้ำเริ่มดันขึ้นมาแล้วให้ปิดเตาทันที)
อ่านเพิ่มเติม
- วิธีต้มชาเขียวด้วยหม้อต้ม Moka pot ให้ได้น้ำชาอร่อยเข้มข้น
- วิธีทำชามะนาว ด้วยMoka pot ทำง่ายอร่อยเข้มข้น
สรุปแล้วการชงกาแฟแบบดริปกาแฟ และแบบโมก้าพอทต่างกันยังไง
ดริปกาแฟ : ชงด้วยการใช้น้ำร้อน ค่อย ๆ เทลงด้านบนของผงกาแฟให้น้ำไหลผ่านกระดาษกรอง จะได้รสชาติที่คล้ายกับอเมริกาโน่จางๆ ให้รสชาติที่เข้มข้นน้อยกว่าการชงแบบอื่น
โมก้าพอท : ชงด้วยการต้มน้ำให้เดือด น้ำจะกลายเป็นไอแล้วอาศัยแรงดันในการสกัดน้ำกาแฟขึ้นมา เนื่องจากสกัดกาแฟด้วยแรงดันน้ำ จึงทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่หนักกว่าวิธีการชงแบบอื่น กาแฟที่ได้จึงรสชาติเข้มและขมกว่า
และจากข้างต้นแม้ว่าจะชงกาแฟด้วยวิธีไหน ๆ การ เลือกใช้เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว ระดับการบด การเกลี่ยกาแฟ อุณหภูมิน้ำ ก็ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ และมีผลต่อรสชาติของกาแฟทั้งสิ้น และทั้ง 2 วิธีการชงที่นำมาแบ่งปันกันในวันนี้ ก็นับว่าเป็นวิธีชงที่เหล่าบาริสต้าหรือนักชงกาแฟต่าง ๆ ก็นิยมใช้และใ้ห้ความสนใจเป็นอย่างมาก รองลงมาจากเครื่องชงกาแฟ ถุงกรอง เลยก็ว่าได้
อ่านเพิ่มเติม
พอเข้าใจถึงความแตกต่างของการดริปกาแฟ และการใช้หม้อต้มโมก้าพอทแล้วใช่ไหม หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยให้กับใครหลาย ๆ คนได้ดี แต่ไม่ว่าจะชงกาแฟ ชงในรูปแบบวิธีการชงไหน นอกจากต้องควบคุมเทคนิคต่าง ๆ และอยากจะให้ได้รสชาติอร่อย สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ อย่างของโรงคั่วชาเชียงใหม่ ชานกฮูก ที่มีสินค้าร้านชากาแฟมากกว่า 40 รายการ แถมยังรับผลิตชา OEM แบบครบวงจร เพราะใบชาทุกชนิดผ่านกระบวนการผลิตที่พิเศษ ผ่านโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน
วัตถุดิบสำหรับร้านกาแฟ วัตถุดิบสำหรับร้านชาไข่มุก ของเรามีทั้งชาเขียวเข้มข้น ชาเขียวพรีเมียม ที่ชงแล้วหอมกลิ่นชา แถมให้รสชาติเข้มข้น ชาเขียวมะลิสำหรับชงชาเขียวนมแต่มีกลิ่นของดอกมะลิชัดเจน ผงชาไทย ชาแดงพรีเมียมที่นำไปชงได้ทั้งชาไทย ชามะนาว ชาแดงโบราณที่เข้มข้นสุด ๆ เหมาะทำหัวเชื้อชาไทย ชาชัก ผงโกโก้แท้ ผงดาร์กโกโก้ที่เข้มข้นกว่าท้องตลาด หรือจะอยากได้ชาไต้หวันชงชานมไข่มุก ชานมบราวน์ชูการ์ ชาดอกไม้ ชาผลไม้ อย่าง ชาพีช ชาอัญชัน ชากุหลาบ ชาที่ชงได้กับผลไม้สด ไซรัป ทางเราก็มี เช่น ชาสด
ชาเขียวใส และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากจะขายชา ขายเมล็ดกาแฟแล้ว ทางเราก็มีสูตรชงเครื่องดื่ม สูตรชงขายพร้อมวิธีทำ มาแจกกันอย่าง รวมสูตรชาไทย รวมสูตรโกโก้ รวมสูตรชาเขียว รวมสูตรนมชมพู หรือเมนูสีสันอย่าง ชาไทยมินต์ ชาเขียวนมชมพู โกโก้หนืด มัทฉะสตรอว์เบอร์รี่ ชาพีชโซดา และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่เพียงเท่านี้หากจะอยากได้เทคนิคร้านกาแฟ ก็สามารถคลิกอ่านได้เลย เพื่อนำไปปรับใช้กับร้านของคุณ
สินค้าอื่น ๆ